นักวิจัยมะกันเผยความสำเร็จครั้งแรกในการรักษาทารกติดเชื้อเอดส์

 

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 3 มี.ค. ว่า ทีมนักวิจัยชาวอเมริกันเผยความสำเร็จครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ในการรักษาทารกซึ่งได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวี อันเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง ( เอดส์ ) ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญของวงการแพทย์ ในการพัฒนาวิธีรักษาทารกซึ่งได้รับเชื้อไวรัสอันตรายนี้ตั้งแต่อยู่ในครรภ์


รายงานดังกล่าวได้รับการเปิดเผยระหว่างการประชุมนานาชาติว่าด้วยการต่อต้านเชื้อไวรัสและโรคติดเชื้อฉวยโอกาส ( ซีอาร์โอไอ ) ครั้งที่ 20 ณ เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ของสหรัฐ โดย ดร. เดบอราห์ เพอร์โซด์ จากสถาบันกุมารเวชศาสตร์ แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ หนึ่งในทีมงานวิจัย กล่าวว่า ปัจจุบันหนูน้อยรายนี้ ซึ่งเป็นเพศหญิง ชาวรัฐมิสซิสซิปปี มีอายุได้ 2 ขวบแล้ว เข้ารับการรักษาแบบปกติโดยใช้เพียงยาต้านรีโทรไวรัส แต่มีข้อแตกต่างอยู่ตรงที่ ทีมงานเลือกที่จะให้ยาตั้งแต่ช่วงที่หนูน้อยเพิ่งคลอดออกจากครรภ์มารดา หรือมีอายุยังไม่ถึง 30 ชั่วโมง โดยตั้งสมมติฐานว่า กระบวนการรักษาที่รวดเร็วตั้งแต่แรกเกิด อาจช่วยบรรเทาการแพร่กระจายของเชื้อได้


ทั้งนี้ หนูน้อยคนดังกล่าวรับประทานยาต้านรีโทรไวรัสจนกระทั่งมีอายุได้ 18 เดือน ก่อนที่จะขาดการติดต่อกับผู้เชี่ยวชาญนานถึง 10 เดือน ทว่าเมื่อเธอมาเข้ารับการตรวจเลือดอีกครั้งอย่างละเอียด ผลที่ออกมาเป็นลบทุกครั้ง ซึ่งถือว่าน่าอัศจรรย์อย่างมาก ขณะที่บิดามารดาของหนูน้อยยืนยันว่า บุตรสาวไม่ได้รับประทานยาต้านรีโทรไวรัสเลย ตลอดช่วงเวลาที่ไม่ได้มาพบกับทีมงาน


อย่างไรก็ดี กระบวนการรักษายังอยู่ในขั้นที่ต้องติดตามผลอย่างใกล้ชิด เนื่องจากทีมงานยังไม่อาจวางใจได้ว่า เชื้อไวรัสจะหมดไปจากร่างกายของหนูน้อย แม้ผลการตรวจเลือดจะออกมาน่าพอใจ นอกจากนี้ เพอร์โซด์ยืนยันว่า  สิ่งสำคัญที่สุดอีกประการหนึ่ง คือการหาวิธียับยั้งการแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวีจากมารดาไปสู่ทารกในครรภ์ให้ได้ 100% หลังมีรายงานวิจัยอีกชิ้นออกมาว่า ปัจจุบัน มารดาซึ่งได้รับเชื้อไวรัสเอชไอวีและรับประทานยาต้านรีโทรไวรัส สามารถยับยั้งการแพร่เชื้อไปสู่บุตรได้ถึง 98%

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...