ย้อนรอยคดีบ้านสยองขวัญ...จุดจบฆาตกรต่อเนื่องเมืองผู้ดี !

ผ่านมา10 ปีกว่าพอดีสำหรับการปิดฉากคดีฆาตกรรมต่อเนื่องที่สะเทือนขวัญชาวเมืองผู้ดีมากที่สุดและเป็นที่กล่าวขวัญถึงมากที่สุดช่วงทศวรรษที่1990

 


Rosemary West (left) and
Frederick Walter Stephen West (right) 

22 พฤศจิกายน 2538 (1995) คือวันที่ศาลมีคำพิพากษาจำคุกตลอดชีวิต นางโรสแมรี เวสต์ (Rosemary West) ที่ร่วมมือกับสามี นายเฟร็ด เวสต์ (Frederick Walter Stephen West) ก่อคดีลักพาตัว, ข่มขืน และฆ่าสตรีและเด็กสาวมากกว่า 10 ราย ที่น่าตกใจคือเหยื่อ 1 ในนั้นถึงกับเป็น ฮีทเธอร์ (Heather) ลูกสาวคนโตวัย 16 ของทั้งคู่

 


ฮีทเธอร์ (Heather) 

ความสยดสยองจากการฆาตกรรมสะเทือนขวัญที่ยังสยิวขั้วหัวใจคนอังกฤษจนถึงปัจจุบัน ถูกสื่อมวลชนเมืองผู้ดีขุดคุ้ยมารายงานกันทุกครบรอบปีในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งตรงกับช่วงที่ศาลวินเชสเตอร์คราวน์มีคำพิพากษาในคดีของโรส

และบุคคลที่นักข่าว นักแต่งหนังสือ หรือแม้แต่พวกนักทำหนังและสารคดี ตามขอสัมภาษณ์ทุกปี จะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากมือปราบฆาตกรต่อเนื่องสองผัว-เมียเวสต์คู่นี้

 

 

จอห์น เบนเน็ตต์ (John Bennett) อดีตผู้กำกับการแผนกสืบสวน ที่ปัจจุบันมีวัย 60 ปี ระอากับการต้องตอบคำถามซ้ำซากแทบทุกปี แถมเรื่องราวชักจะเลยเถิดกันไปใหญ่ในระยะหลัง จึงจับปากกาเขียนหนังสือรวบรวมเบื้องลึกเบื้องหลัง ใช้ชื่อว่า "The Cromwell Street Murders : The Detective"s Story" ซึ่งเป็นชื่อของ "บ้านสยองขวัญ" เลขที่ 25 บนถนนครอมเวลล์ของครอบครัวเวสต์ เป็นปูมบันทึกเรื่องราวและเฉลยปริศนาที่หลายคนยังค้างคาใจ



จอห์น เบนเน็ตต์ (John Bennett)

เพราะอะไรบ้านหลังนี้จึงได้ชื่อว่าบ้านสยองขวัญ? ลองมาฟังคำบอกเล่าของนักสืบผู้เคาะประตูบ้านฆาตกรต่อเนื่อง และเปิดเผยโฉมหน้าที่แท้จริงของคู่ผัว-เมียนักฆ่าโรคจิตกันดู

ถึงจะผ่านพ้นมากว่า 10 ปีแล้ว เบนเน็ตต์บอกว่า กลิ่นศพเน่าที่โชยออกมาจากบ้านหลังนี้และภาพศพเหยื่อที่ถูกแยกชิ้นส่วนอยู่ในสภาพเน่าเปื่อยยังคงติดตราอยู่ในใจ จนทุกวันนี้ก็ยังไม่จางหาย

"แม้เวลาจะล่วงเลยมาถึงขนาดนี้ มันยังทำให้ผมเศร้าใจจริงๆ เมื่อหวนนึกถึง...สิ่งที่พวกนั้นทำลงไปมันเหลือเชื่อ" อดีตเจ้าหน้าที่สืบสวนนึกถึงความหลัง

"พวกเขา (เฟร็ดและโรสแมรี) เป็นพวกรักสันโดษ จึงเป็นเรื่องยากที่จะเข้าใจจริงๆ"


เกือบ 20 ปี ที่ผัว-เมียเวสต์ได้ล่อหลอกหญิงมากหน้าหลายตาเข้ามายังบ้านสมัยวิกตอเรียที่แทรกตัวอยู่ในอาคารที่ปลูกเรียงเป็นแถวในเมืองกลูเซสเตอร์อันเงียบสงบทางภาคตะวันตกของอังกฤษ จากนั้นก็ทรมาน ข่มขืนและฆ่าเหยื่อเหล่านี้

ชิ้นส่วนศพมากมายถูกพบฝังอยู่ใต้บ้านหลังนี้เอง ทั้งที่ห้องเก็บของใต้ดิน ใต้ห้องน้ำ หรือสำหรับกรณีของฮีทเธอร์ ถูกฝังอยู่ใต้ลานในสวนหลังบ้าน

"เป็นคุณจะใช้ชีวิตอย่างปกติ ในบ้านหลังนี้ได้อย่างไร จะจัดปาร์ตี้ ย่างบาร์บีคิว เข้าห้องน้ำ ทั้งที่รู้ว่ามีศพผู้คนซึ่งรวมทั้งลูกสาวของคุณ ถูกฝังอยู่ข้างใต้?"

เหยื่อบางรายถูกพบในสภาพถูกมัด ถูกอุดปาก หรือไม่ก็ถูกเทปกาวพันรอบดวงตาหรือใบหน้า


กลิ่นเหม็นตุของเนื้อมนุษย์เน่าเปื่อยในสภาพชื้นแฉะเป็นสิ่งที่ตามหลอกหลอนเบนเน็ตต์จนถึงทุกวันนี้ "กลิ่นของศพขึ้นอืดกำลังเน่าเปื่อยจะเป็นสิ่งที่คุณไม่มีวันลืมเลยหากได้กลิ่นมัน" อดีตนายตำรวจเกษียณที่เคยต้องใช้เวลาหลายวันสืบสวนคดีในบ้านหลังนั้นกล่าว

บ้านสยองขวัญถูกรื้อถอนและทุบทิ้งไม่นานหลังจากนั้น เพื่อตัดช่องทางของพวกนักล่าที่แห่กันมาหาของที่ระลึกพิลึกพิลั่นจากที่นี่



สมัยแต่งงานกันใหม่ๆ

คดีฆาตกรรมต่อเนื่องคดีนี้ถูกเปิดโปงช่วงต้นปี 2537 เมื่อตำรวจได้เบาะแสใหม่เกี่ยวกับการหายตัวไปของฮีทเธอร์ ลูกสาวคนโตในตระกูลเวสต์ ที่สาบสูญไปเมื่อ 7 ปีก่อน เพราะสะดุดใจคำบอกเล่าของพวกญาติพี่น้องบางคนที่เข้ารับการดูแลชั่วคราวจากรัฐ จึงเริ่มการค้นหาอีกครั้ง

เด็กวัยรุ่นหลายรายเล่าให้พวกนักสังคมสงเคราะห์ฟังถึง "โจ๊กประจำครอบครัว" ที่ว่า "ฮีทเธอร์อยู่ใต้ลานบ้าน" นั่นเองตำรวจจึงเริ่มต้นขุดสวนหลังบ้านของเวสต์ และทำให้เฟร็ดจนมุมจนต้องมายอมรับโดยดุษณีว่าเป็นคนฆ่าลูกสาวตัวเองกับมือ

เฟร็ดยังพยายามปกป้องเมียโดยบอกว่าโรสไม่รู้อะไรเกี่ยวกับการฆาตกรรมพวกนี้ เบนเนตต์เล่าถึงการสอบปากคำผู้ต้องหารายนี้ว่า "เขายังยืนกรานว่าโรสแมรีไม่รู้เรื่องอยู่นั่นแหละ จนกระทั่งในการสัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย ที่เขาเริ่มแนะว่าโรสแมรีอาจเกี่ยวข้องด้วย"

เบนเนตต์เดาว่าสิ่งที่เปลี่ยนใจเฟร็ด มาจากคำบอกเล่าของตำรวจเกี่ยวกับพฤติกรรมทางเพศของโรส ซึ่งเฟร็ดไม่เคยรู้มาก่อน "การที่ภรรยามีความลับกับเขาถือเป็นเรื่องช็อก หลังจากพวกเขาเคยร่วมกันปกปิดความลับ (เรื่องฆาตกรรม) มาด้วยกัน"



ตำรวจกำลังช่วยกันขุดค้นหาศพ

เฟร็ด ผู้สามี ถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมรวม 12 กระทง และเขายอมรับว่าได้ฆ่าเหยื่อบางรายจริง แต่เขาชิงผูกคอตายในห้องขังในวันปีใหม่ก่อนจะถูกนำตัวขึ้นศาล ส่วนโรสซึ่งไม่ยอมรับสารภาพ เจอข้อหาฆาตกรรม 10 กระทงรวมทั้งคดีฆ่าลูกสาว ถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิตทั้ง 10 กระทง ทุกวันนี้โรสยังชดใช้ความผิดอยู่ในเรือนจำบรอนซ์ฟิลด์ที่เพิ่งสร้างขึ้นใหม่ ตั้งอยู่ใกล้เขตแอชฟอร์ด เมืองมิดเดิลเส็กซ์

เบนเน็ตต์บรรยายถึงลักษณะนิสัยของโรสว่า เธอเป็นคน "เย็นชา ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อย"

โรสไม่เคยหลั่งน้ำตาให้แก่เหยื่อของเธอ ไม่รู้สึกรู้สากับความเจ็บปวดของครอบครัวที่สูญเสียสมาชิกไปเพราะการกระทำของเธอและสามี "ตอนที่เธอถูกตัดสิน ผมคิดว่าตอนนั้นเธอร้องไห้นะครับ แต่เธอร้องไห้ให้ตัวเอง" เบนเน็ตต์


โรสแมรี ขณะกำลังฟังคำพิพากษา

"ทุกวันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเด็กสาวและผู้หญิงพวกนั้นตายอย่างไร" เบนเน็ตต์ซึ่งเริ่มเขียนหนังสือเล่มนี้เมื่อ 2 ปีก่อน (2003) แม้ว่าก่อนหน้าจะเคยยืนยันว่าไม่คิดจะเขียนหนังสือหากินกับคดีนี้ บอกว่าเขาไม่ได้พูดคุยกับครอบครัวของเหยื่อเลย

และที่สำคัญ เบนเน็ตต์ก็ยังสงสัยอยู่ว่าโรสจะยอมปริปากเล่าความลับดำมืดที่ซ่อนอยู่ก้นบึ้งหัวใจอันเย็นชาของเธอหรือไม่.

Credit: http://artsmen.net/content/show.php?Category=mythboard&No=5692
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...