ช่วงต้นปี 2010 กลุ่มนักวิทยาศาสตร์อเมริกันได้ทดสอบ DNA
ของสิ่งที่จะเป็นได้ว่าคือ กะโหลกของเอเลี่ยน
พยายามจะวิเคราะห์ Nuclear DNA (nDNA) แล้ว
ตัวอย่าง DNA แบ่งออกเป็นสองแบบ
nDNA มาจากพันธุกรรมทั้งฝ่ายพ่อและแม่
mitochondrial DNA มาจากพันธุกรรมทางสายแม่
ในไมโตคอนเดรีย เป็นส่วนหนึ่งของเซลล์ที่ทำหน้าที่ผลิตพลังงาน
ลองเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล DNA แห่งชาติ
แต่พบว่า ไม่พบกับตรงกับฐานข้อมูลใดๆที่มีอยู่ No Significant similarity found
เศษสีแดง ซึ่งไม่รู้ว่ามันคืออะไร ซึ่งลักษณะนี้ไม่เคยได้เห็นในสปีชีย์อื่นๆ
ซึ่งมันไม่ใช่เลือด เพราะเลือดเวลาออกซิไดซ์แล้วจะกลายเป็นสีดำ
สิ่งพวกนี้มัน unknown ไม่เป็นที่รู้จัก
they mean nothing to mainstream science
และไม่เคยอยู่ในการศึกษาของกระแสหลัก
การตรวจสอบ DNA เอาคร่าวๆว่ามี 2 ครั้ง
เมื่อปี 2003 ตรวจด้วยแบบ PCR (Polymerase Chain Reaction)
เทคนิคแบบเก่าข้อดี ใช้ปริมาณตัวอย่างน้อย แต่ผลที่ออกมาจะแคบกว่า
วัดได้ไม่ลึก และผลออกมาว่าเป็นมนุษย์ โดยการตรวจแบบเก่านี้
This result indicated that the female and the Starchild could not be maternally related because their mtDNA did not belong to the same haplogroup.
ผลดังกล่าวแปลความได้ว่า Starchild กับกะโหลกหญิงข้างๆนั้นไม่ได้เป็นแม่ลูกกัน เพราะ mtDNA เข้ากันไม่ได้กับ haplogroup (ตัวอย่างเทียบเคียงทางสายญาติแม่เดียวกัน)
ส่วน nuclear DNA นั้นจะเป็นส่วนที่เกิดจาก DNA ในไข่ของแม่กับ DNA ในสเปริ์มของพ่อมารวมกัน ดังนั้น nuclear DNA จะมี DNA ของพ่อครึ่งนึง และ DNA ของแม่ครึ่งนึง nuclear DNA นี่แหล่ะที่เอามาพิสุจน์กันว่าเป็นพ่อแม่ลูกกันหรือเปล่าอย่างที่เห็นกันในข่าว
This result indicated that the female and the Starchild could not be maternally related because their mtDNA did not belong to the same haplogroup.
ผลดังกล่าวแปลความได้ว่า Starchild กับกะโหลกหญิงข้างๆนั้นไม่ได้เป็นแม่ลูกกัน เพราะ mtDNA เข้ากันไม่ได้กับ haplogroup (ตัวอย่างเทียบเคียงทางสายญาติแม่เดียวกัน)
แต่ปี 2010 ใช้วิธีการตรวจที่ซับซ้อนมากกว่า ด้วยวิธีเช่น
genome amplifications หรือ classic shotgun sequencing
ซึ่งเทคนิคนี้ผู้วิจัยคนเดิมเมื่อปี 2003 อย่าง Dr. Malhi and Dr. Eshleman ทำไม่ได้
เพราะความไม่เชี่ยวชาญและผลเชิงการค้าของสถาบันตรวจสอบ DNA
วิธีดังกล่าวเป็นงานที่หนักมากเพราะต้องใช้การหาจีโนมทั้งหมด ซึ่งยาก ของมนุษย์เพิ่งสำเร็จไปไม่กี่ปีมานี้เอง แต่ถึงอย่างไรก็ใช้ความพยายามจนเห็น บางส่วนที่เป็น “missing” nuclear DNA ซึ่งจะช่วยชี้ให้เห็นข้อบกพร่องของการตรวจแบบเดิม
คราวนี้พบ clearly fragments of the Starchild Skull’s nuclear DNA จริงๆแล้ว หลังจากความพยายามมา 11 ปี ที่คราวนี้ไปเทียบกับฐานข้อมูลของโลกที่คราวนี้ได้รับเงินวิจัยจากสถาบันดังกล่าวด้วย โดยนำไปเข้าโปBLAST program พบว่า คราวนี้มีความคล้ายคลึงกับแบคทีเรียอื่นๆอีก แต่ที่น่าสนใจคือส่วน(fragment)ของ ลำดับนิวคลีโอไทด์ 265 base pairs in length, and it was found to correlate with a segment on human chromosome #1 มีความคล้ายคลึงกับส่วนที่อยู่บนโครโมโซม 1 ซึ่งบอกได้ว่าเป็น genome ของ human or human-like. ซึ่งเหมือนกับปี 2003
แต่ส่วนที่เป็น 342 nucleotide fragment ให้ผลแตกต่างออกไปอย่างน่าตะลึง
It states that within the millions of DNA base pair strings catalogued in the NIH database, none were even “similar” to this section of the Starchild Skull’s DNA!
ฐานข้อมูลเป็นล้านๆคู่ของสถาบัน NIH ไม่ตรงกับของ Starchild เลย (เก็บตัวอย่างมาจากทุกๆสปีชีย์บนโลกแล้วไม่พบว่าตรงกัน)
ส่วนตรงนี้เองที่ Some of the Starchild’s nuDNA is different from anything previously found on Earth!
nuDNA แตกต่างไปจากทุกสิ่งที่พบได้ในโลกใบนี้ นี่แหละคงเป็นเครื่องยืนยันว่ามาจากนอกโลก (extraterrestrial)
ลอยด์ พาย ให้สมมุติฐานว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น
ความเป็นไปได้ที่มีคือ การตัดต่อพันธุวิศวกรรมของเอเลี่ยน
Starchild นี้เป็นเอเลี่ยนเกิดจากแม่ทีเป็นมนุษย์ (ลูกผสมไฮบริด)
pure alien born to human mother >>> เอเลี่ยนที่เกิดจากแม่ที่เป็นมนุษย์อุ้มท้อง
ปัจจุบันนี้ทำได้ ถ้าเกิดกรณีที่ไมโตคอนแเดียอ่อนแอจะมีลูกไม่ได้