เมื่อ 28 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.หาญพล นิตย์วิบูลย์ ผบช.ภ.7 นำทีมตำรวจแถลงข่าวจับกุมตัวผู้ต้องหา 3 คนที่ก่อเหตุคดีฆ่านายเมธี หมอนทอง อายุ 66 ปี ชาว ต.พันท้ายนรสิงห์ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เสี่ยใหญ่เจ้าของเอสพีพี เทอร์มินัล ทรานสปอร์ต บริษัทขนส่งปุ๋ยในเมืองมหาชัย เมื่อคืนวันที่ 24 ก.พ.ที่ผ่านมา

 โดยผู้ต้องหา 3 คน ประกอบด้วย 1.นายเกรียงศักดิ์ ราชจำนง อายุ 38 ปี อยู่บ้านเลขที่ 21 หมู่ 16 ต.บ่อสุพรรณ  อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี 2.นายสอน บุตรน้ำเพ็ชร อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 234 หมู่ 16 ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี  3.น.ส.ปรียนิตย์ หรือจำเนียร เลิศคูณรัตน์ อายุ 39 ปี อยู่บ้านเลขที่ 22 หมู่ 6 ต.วังเย็น อ.เมืองนครปฐม 

 พร้อมของกลางอาวุธปืนยาวลูกกรดขนาด .22 จำนวน 1 กระบอก กระสุนปืนขนาด .22 จำนวน 43 นัด สร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท จำนวน 1 เส้น พระเลี่ยมทอง 5 องค์ แหวนทองคำ 2 วง เงินสด 45,000 บาท รถยนต์กระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน หมายเลขทะเบียน บล 9908 นครปฐม โดยตั้งข้อกล่าวหาร่วมกันปล้นทรัพย์โดยมีอาวุธปืนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาโดยไตร่ตรองไว้ก่อน และเพื่อสะดวกในการที่จะกระทำความผิดอย่างอื่น ซ่อนเร้น ย้ายทำลายศพเพื่อปิดบังการตายหรือเหตุแห่งการตาย  

 พล.ต.ท.หาญพล กล่าวถึงการจับกุมครั้งนี้ว่า เมื่อวันที่ 24 ก.พ. เวลา 21.14 น. ศูนย์วิทยุสภ.ทุ่งคอก จ.สุพรรณบุรี รับแจ้งพบรถยนต์เก๋ง ยี่ห้อฮุนได สีขาว ทะเบียน ฆฉ 8190 กรุงเทพมหานคร ตกลงไปในคลองส่งน้ำดอนกระเพรา-กระดานป้าย หมู่ 13 ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ตร.จึงเดินทางไปตรวจสอบพร้อมนักประดาน้ำและหน่วยกู้ภัยสุพรรณบุรี ช่วยกันนำรถขึ้นมาจากคลอง ตรวจสอบภายในรถพบศพนายเมธี หมอนทอง เสียชีวิตอยู่ที่เบาะหลังคนขับ มีบาดแผลถูกปืนยิงเข้าที่ศีรษะ 2 จุด แพทย์ชันสูตรลงความเห็นว่าเสียชีวิตจากถูกกระสุนปืนยิงก่อนที่รถยนต์จะจมน้ำ จากการสืบสวนคาดว่าเป็นการฆ่า และนำศพมาอำพราง

 ด้านน.ส.ปรียนิตย์ ให้การรับสารภาพว่า เคยทำงานเป็นแคดดี้อยู่ที่สนามกอล์ฟแห่งหนึ่งใน จ.นครปฐม มา 5 ปี แต่ออกจากงานมาได้ 1 ปี เนื่องจากต้องออกมาดูแลบุตรชายวัย 6 เดือน ตนรู้จักสนิทสนมกับนายเมธี ผู้ตาย เนื่องจากเคยเคยให้บริการถือถุงกอล์ฟให้นายเมธีทุกครั้งที่มาสนามกอล์ฟ ตนและนายเมธีคุยกันถูกคอ และรู้ว่านายเมธีมีใจให้ และได้โทรศัพท์ติดต่อกันเป็นประจำ ตนทราบดีว่าผู้ตายมีฐานะร่ำรวย ชอบใส่ของราคาแพง จึงวางแผนร่วมกับนายเกรียงศักดิ์ ผู้ต้องหาซึ่งเป็นสามี และนายสอน บุตรน้ำเพชร อาของนายเกรียงศักดิ์ เพื่อชิงทรัพย์ ส่วนนายเกรียงศักดิ์ ให้ความร่วมมือก่อเหตุ เนื่องจากหึงหวง ประกอบกับต้องการทรัพย์สินของผู้ตายเช่นกัน

 วันเกิดเหตุในช่วง 18.00 น. ตนโทรศัพท์ลวงให้นายเมธี มาหาที่บ้าน ออกอุบายว่ามีเรื่องสำคัญให้ช่วยเหลือ เมื่อถึงเวลานายเมธีขับรถมาถึง ตนจึงให้นั่งรอ บอกว่าเดี๋ยวจะทำอาหารให้ทานก่อน โดยผู้ตายไม่ทราบว่านายเกรียงศักดิ์ และนายสอนหลบอยู่ในห้องนอน ขณะที่นายเมธีนั่งรอได้หยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเล่มเกมจนเพลิน เมื่อนายเมธีเผลอ นายสอนจึงหยิบปืนเดินออกมาจากห้องนอน ยิงใส่นายเมธีจนล้มแน่นิ่งไป จากนั้นนายสอนและนายเกรียงศักดิ์ ใช้ผ้านวมห่อศพนายเมธี แล้วลากศพไปไว้ที่ห้องนอน พร้อมกับปลดทรัพย์สินสร้อยคอทองคำหนัก 10 บาท จำนวน 1 เส้น พระเลี่ยมทองไม่ทราบน้ำหนักจำนวน 5 องค์ แหวนทอง 2 วง เก็บไว้ 

 จากนั้นนายเกรียงศักดิ์และนายสอนช่วยกันเคลื่อนย้ายศพขึ้นรถของนายเมธี ไว้ที่เบาะหลัง นายเกรียงศักดิ์ได้ขับรถมาจอดที่คลองส่งน้ำดอนกระเพรา–กระดานป้าย ก่อนช่วยกันเข็นรถตกลงไปในน้ำ ส่วนนายสอนขับรถกระบะมิตซูบิชิ ไทรทัน ทะเบียน บล 9908 นครปฐม ขับตามมาเพื่อรับกลับบ้าน หลังก่อเหตุ น.ส.ปรียนิตย์ เช็ดทำความสะอาดบ้าน เช็ดคราบเลือด ส่วนนายเกรียงศักดิ์ นำทรัพย์สินใส่รวมในกระปุกแป้งแล้วฝังดินไว้ที่ใต้ต้นกล้วยข้างบ้านของแม่นายเกรียงศักดิ์ที่ ต.บ่อสุพรรณ อ.สองพี่น้อง

 หลังเกิดเหตุทางชุดจับกุมได้ออกติดตามสืบหาข่าวจากก๊วนเล่นกอล์ฟของเพื่อนผู้ตาย จนทราบว่าผู้ตายและน.ส.ปรียนิตย์มีความสนิทสนมกันมาก ทางตำรวจจึงเช็คข้อมูลโทรศัพท์มือถือ ทราบว่านายเมธีโทรศัพท์ติดต่อกับน.ส.ปรียนิตย์ เป็นคนสุดท้าย และจากการตรวจภาพจากกล้องวงจรปิด พบรถของนายเมธี ไม่ได้เลี้ยวออกทางถนนเพชรเกษม แต่เลี้ยวแยกเข้า ต.วังเย็น ไปทางบ้านของน.ส.ปรียิตย์ จากนั้นก็ไม่พบตัวอีกเลย ตำรวจจึงมั่นใจผู้ก่อเหตุต้องรู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี และมีเจตนาประสงค์ต่อทรัพย์ จึงวางแผนเข้าจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมดได้ในที่สุด