เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก เฟซบุ๊ก เรื่องเล่าเช้านี้
หลังจากตกเป็นข่าวฮือฮาเมื่อ ลุงกุ๋ย ชายวัย 65 ปี ชาว จ.กำแพงเพชร ป่วยด้วยอาการติดเชื้ออย่างรุนแรง จนหน้าตาบิดเบี้ยวดูคล้ายยักษ์ เป็นที่รังเกียจของชาวบ้าน ทำให้ใช้ชีวิตอย่างยากลำบาก และจำต้องวอนผู้ใจดีช่วยบริจาคเงินเพื่อรักษาอาการป่วยที่เกิดขึ้น ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุด (27 กุมภาพันธ์) รายการเจาะข่าวเด่น ได้เชิญ นายกุ๋ย แก้วเชิงค้า หรือ คุณลุงกุ๋ย อายุ 65 ปี พร้อมด้วยภรรยา และ นพ.สุรเวช น้ำหอม แพทย์ผู้ทำการรักษา มาร่วมพูดคุยถึงความคืบหน้าหลังเข้ารับการรักษาตัว โดยลำดับเหตุการณ์ย้อนกลับไปตั้งแต่วันเกิดเหตุที่ทำให้ลุงกุ๋ยต้องมีอาการป่วยดังกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ ลุงกุ๋ย ใช้ชีวิตอยู่ที่ จ.ขอนแก่น โดยประกอบอาชีพเก็บหอยในน้ำ แต่จู่ ๆ เกิดหน้ามืดเป็นลมและล้มศีรษะกระแทกหิน จนจมลงไปในน้ำที่คาดว่ามีสารเคมีปะปนอยู่ แต่ก็ไม่ได้ไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเนื่องจากไม่มีเงิน ทำให้แผลติดเชื้อลุกลามจนหน้าตาผิดแปลกไปจากปกติกลายเป็นที่รังเกียจของผู้พบเห็น
แต่หลังจากมีการเปิดเผยเรื่องราวของลุงกุ๋ย ผ่านทางรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ก็มีผู้บริจาคเงินเข้ามาช่วยเหลือ ทำให้ลุงกุ๋ยได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลรามาธิบดีจนอาการดีขึ้น ซึ่งลุงกุ๋ยเล่าว่า หน้าตาที่เป็นแผลทำให้ปากของลุงไม่สามารถรับประทานอาหารได้แบบปกติ เพราะเป็นพังผืดแข็งขยับไม่ได้ ต้องนอนกินเท่านั้น ซึ่งทำให้อาหารมักไหลออกมาจากปาก แต่หลังจากการรักษาตัวก็สามารถรับประทานอาหารได้โดยไม่มีอาหารไหลออกมาอีก เสียอย่างเดียวที่ยังอ้าปากกว้างไม่ได้ คงต้องรอให้หนังบริเวณใบหน้าหายดีกว่านี้ก่อน จึงจะรักษาใหม่อีกครั้ง
ส่วนตาข้างซ้ายของลุงกุ๋ยก็สามารถมองเห็นได้ปกติและชัดเจนดี มีเพียงตาขวาเท่านั้นที่เป็นต้อ ขณะที่บริเวณขมับทั้งสองข้างได้มีการขูดเนื้อที่เสียออก และนำเนื้อจากต้นขามาปะลงไปแทน ขณะที่ผิวหนังบริเวณอื่นที่เคยเป็นแผลก็แห้งหมดแล้ว โดยบริเวณแขนของลุงกุ๋ย เป็นจุดแรกที่เคยโดนหอยบาด เกิดเป็นแผลพุพองมีน้ำเหลืองไหล แต่ก็ได้รับการรักษาด้วยการเอาเนื้อบริเวณต้นขามาแปะจนแผลหายดี ก่อนที่ลุงกุ๋ยจะไปเก็บหอยและเกิดอุบัติเหตุลื่นล้มหัวแตก จนลุกลามกลายเป็นแผลพุพองทั้งหน้าอย่างที่เห็น เหลือไว้เพียงแค่บริเวณหน้าผากเท่านั้นที่เป็นปกติ
ขณะที่ นพ.สุรเวช น้ำหอม แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านศัลยแพทย์ตกแต่ง โรงพยาบาลรามาธิบดี เล่าว่า การติดเชื้อของลุงกุ๋ย คือการติดเชื้อจากแบคทีเรียบางชนิดที่อาศัยอยู่ในน้ำหรือดินที่สกปรกซึ่งมีฤทธิ์ร้ายแรงมาก สามารถแพร่กระจายได้รวดเร็วภายใน 1-2 วัน ทำให้เชื้อลุกลามเข้าไปยังกระแสเลือด จนแพทย์ผู้ทำการรักษาในครั้งแรกต้องตัดเนื้อที่สงสัยว่าอาจติดเชื้อออกทั้งหมด ทำให้ต้องมีการนำเนื้อบริเวณขามาปิดทับส่วนที่ถูกตัดออกไป อีกทั้งเมื่อเนื้อเริ่มแห้งยังมีการดึงรั้งจนเปลือกตาตึงและปลิ้นออกมาให้เห็นเนื้อแดง ๆ ทำให้หลับตาไม่ได้ จนเกิดเป็นต้อในตาข้างขวาเนื่องจากการโดนลม
ภรรยาของคุณลุงกุ๋ย บอกว่า ครั้งแรกที่ลุงกุ๋ยเห็นตัวเองในกระจก ถึงกับหมดอาลัยตายอยาก ทั้งยังไม่สามารถนอนหลับตาได้ เวลานอนจะมีน้ำตาไหลออกจากตาตลอดเวลาด้วย
ทั้งนี้ นพ.สุรเวช เปิดเผยว่า การรักษาลุงกุ๋ยนั้น เริ่มจากบริเวณเปลือกตาเป็นอันดับแรก ด้วยการสร้างเปลือกตาถึง 2 ครั้ง เพื่อให้ลุงกุ๋ยสามารถหลับตาได้ปกติ ไม่อย่างนั้นอาจเกิดอันตรายกับดวงตาได้ จากนั้นจึงมารักษาบริเวณมุมปาก โดยใช้เนื้อจากริมฝีปากล่างมาเสริมเข้าไปแทนด้านบนเพื่อเติมเต็มส่วนที่แหว่ง และตกแต่งให้ออกมาดีขึ้น โดยอาจจะมีการตกแต่งเพิ่มอีกครั้งเพื่อให้ลุงกุ๋ยอ้าปากได้กว้างกว่านี้
ซึ่งแม้จะผ่านการตกแต่งใบหน้าให้ดีขึ้นแล้ว แต่บริเวณเปลือกตาที่ตกแต่งเพิ่มเข้ามา ก็ไม่มีเส้นประสาทที่จะทำให้ลุงกุ๋ยสามารถกะพริบตาได้แบบคนปกติ แต่มีไว้เพื่อปกป้องดวงตาให้ลุงกุ๋ยหลับตาได้ง่ายขึ้นเท่านั้น ในบริเวณริมฝีปากก็เช่นกัน ลุงกุ๋ยจะไม่สามารถเม้มปากได้เหมือนคนทั่วไป เพียงแต่จะอ้าปากขึ้นลงได้เพื่อการรับประทานอาหารที่สะดวกขึ้น
เรียกว่าความคืบหน้าอาการของ ลุงกุ๋ย สามารถแก้ไขได้แล้วประมาณ 60% โดยหลังจากนี้จะต้องรอให้มีการฟื้นฟูมากขึ้น และค่อยกลับมาตกแต่งใหม่ให้ดีกว่าเดิม ซึ่งคุณหมอได้อนุญาตให้คุณลุงกลับไปใช้ชีวิตที่บ้านได้ตามปกติในระหว่างรอทำการรักษาขั้นตอนต่อไป ก็ขอแสดงความยินดีกับลุงกุ๋ยและครอบครัว รวมถึงขอบคุณผู้มีน้ำใจบริจาคเงินเพื่อลุงกุ๋ยทุกท่านด้วยนะคะ