6 โรคที่ตามมา หากต้องอยู่ในรถนานๆ

 

 

 

 

 

 
<img src="http://variety.teenee.com/foodforbrain/img5/146181.jpg" _cke_saved_src="http://variety.teenee.com/foodforbrain/img5/146181.jpg" '="" align="center" alt="">  
สาวๆ คนไหนที่มักจะใช้ชีวิตอยู่ในรถเป็นประจำก็ด้วยว่าการจราจรที่ติดขัดอยู่เสมอ ต้องระวังให้ดีนะคะ เพราะอาจเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ ได้ ที่เกิดจากการต้องทนอยู่ในรถเป็นเวลานานๆ ซึ่งจะมีอะไรบ้างนั้นไปดูพร้อมกันเลย

หลับในและตาเมื่อยล้า
อาการที่เกิดขึ้นได้แก่ หาวถี่ สมอง เริ่มมึน ไร้สติ ไม่มีสมาธิในการขับรถ และเรื่องบางเรื่องที่เกิดขึ้นในกิจวัตรจะเข้ามาในหัวโดยไม่รู้ตัว ช่วงที่ต้องเจอแดดจ้าๆ มักมีอาการตาอ่อนล้า และแสบตา ทำให้มองไม่ถนัดเวลาที่ขับรถ และมีอาการหลับในตอนกลางคืน ซึ่งอาจเกิดจากการนอนน้อยสะสมในแต่ละวันเป็นเวลานานๆ

ดังนั้นในการแก้ไข หากรู้สึกง่วงนอนจริงๆ ควรแวะปั๊มนอนทันที ด้วยสังเกตจากอาการหาวถี่ๆ ต้องหยุดอย่าฝืน และในกรณีที่ต้องขับรถทางไกลมากๆ ควรจะหาเพื่อนร่วมทางไว้สักคน เพื่อจะได้สลับกันขับปลอดภัยไว้ก่อน ส่วนใครที่มีอาการแสบตา ลองไปปรึกษาคุณหมอ เพื่อบรรเทาอาการที่แสบตาให้ลดน้อยลง

โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ
สาเหตุเกิดจากการอั้นปัสสาวะเป็นเวลานานในขณะขับรถ เพราะต้องเผชิญกับปัญหารถติดระหว่างเดินทาง หรือไม่มีปั๊มน้ำมันข้างทางเลย โดยผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะขัด เหมือนปัสสาวะไม่สุด และปวดมาก ซึ่งแนวทางในการรักษาคือ ทานยา และดื่มน้ำมากๆ เมื่อปวดปัสสาวะ ห้ามอั้นไว้เด็ดขาด และถ้าหากรู้สึกเริ่มปวดหน่วงๆ ต้องดื่มน้ำเยอะ ๆ เพื่อล้างปัสสาวะที่อักเสบออกมา อีกอย่างถ้าหากสามารถย้ายที่อยู่มาให้ใกล้ที่ทำงานเพื่อเลี่ยงปัญหารถติดได้ก็จะดีค่ะ

 

กล้ามเนื้อคออักเสบ
สาเหตุของโรคนี้เกิดจากการที่ต้องนั่งท่าเดิมๆ เป็นเวลานานเป็นประจำทุกวัน โดยผู้ป่วยจะมีอาการเริ่มจากปวดบ่าทั้งสองข้าง หลังจากนั้นจะปวดคอมาก ปวดร้าวไปถึงบ่า แขน และมีอาการมือชาด้วย ปวดจนไม่สามารถหันคอได้เลย สำหรับใครที่มีอาการดังกล่าวในการรักษาคุณหมอจะให้ยาคลายกล้ามเนื้อมาทาน พร้อมกับใส่เฝือกอ่อนชั่วคราว เพื่อช่วยไม่ให้เคลื่อนไหวมาก ประมาณ 3-4 วัน อาการจะค่อย ๆ ดีขึ้น ส่วนใครที่ยังไม่มีอาการ แต่ยังต้องขับรถอยู่แนะนำให้บริหารคอระหว่างที่รถติด เช่น หันซ้ายหันขวา ก้มหัวขึ้นลง และไม่ควรเอี้ยวคอแบบกะทันหัน เพราะจะทำให้เกิดการหันผิดท่าได้

ระบบการย่อยอาหาร และระบบขับถ่ายผิดปกติ
ใครที่ต้องขับรถอยู่เกือบตลอดเวลา เช่น คนขับแท็กซี่ มักเจอกับปัญหานี้ เพราะเนื่องจากต้องรับส่งผู้โดยสารอยู่ตลอดทำให้การทานอาหารไม่เป็นเวลา และเวลาอยากเข้าห้องไม่สามารถทำได้เลย ดังนั้นเมื่อเกิดสถานการณ์แบบนี้เป็นประจำทุกวันก็ทำให้เป็นโรคกระเพาะอักเสบ รวมทั้งมีอาการท้องผูกอีกด้วย ซึ่งแนวทางในการแก้ไขควรจะเลือกทานอาหารประเภทผักเยอะ ๆ หรือเลือกทานอาหารเบา ๆ จะช่วยให้ระบบย่อยและระบบขับถ่ายดีขึ้น อีกทั้งก่อน ออกไปขับรถแนะนำให้ออกกำลังบริหารแขนขา และเข่า เพื่อลดการปวดเมื่อย หากต้องขับรถเป็นเวลานาน ๆ ได้

หมอนรองกระดูกเสื่อม
สำหรับคนที่ต้องขับรถเป็นระยะทางไกลมักจะพบปัญหาหมอนรองกระดูกเสื่อม รวมทั้งในคนที่ชอบยกของหนักบ่อยๆ เอี้ยวตัวผิดท่า หรือได้รับบาดเจ็บจากการตกจากที่สูง ซึ่งเริ่มแรกจะมีอาการปวดหลังเพียงเล็กน้อย จากนั้นจะเริ่มปวดมากขึ้นและลามไปยังข้างทั้งสอง เวลายืนนานจะมีอาการชาที่ขา นอกจากนี้ในบางรายอาจมีอาการของเอวคดด้วย

โดยแนวทางในการรักษาอาการต่างๆ คือ ไปทำไคโรแพกติก หลังเสร็จจากการจัดกระดูกก็ค่อยๆ ดีขึ้น และควรดูแลตัวเองโดยการเล่นเทนนิสแบบเบาๆ หากต้องเดินนานให้หยุดพักยืดเส้นยืดสายบ้าง ทำกายภาพบำบัดวันละ 3 ครั้ง ด้วยการนอนคว่ำ ศอกทั้งสองข้างตั้งฉากกับพื้น ปลายเท้าจิกทำเป็นมุมฉาก ยกตัวขึ้นแล้วแขม่วท้องเกร็งไว้นับ 1-10 ทำประมาณ 10 ครั้ง

พังผืดทับเส้นประสาทที่ข้อมือ
สาเหตุอาจเกิดการที่เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงบริเวณมือได้ไม่ทั่วถึง เพราะต้องถือพวงมาลัยไว้ตลอดเวลาเป็นระยะเวลานานๆ อีกทั้งยังเกิดขึ้นทุกวัน ถ้าใครที่ยิ่งต้องทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ก็จะยิ่งส่งผลเร็วขึ้น จะเริ่มมีอาการปวดบริเวณข้อมือ ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการทำกายภาพบำบัดวันละ 4 ครั้ง เช้า กลางวัน เย็น และก่อนนอน เพื่อให้เลือดสูบฉีด ทั้งนี้หากมีการดูแลตัวเองที่ดีก็จะลดอาการที่เป็นลงได้ เช่น ฝึกโยคะ ยกของด้วยการนั่งลงแล้วยก และช่วงไหนที่มีอากาศเย็นจะรู้สึกปวดมากกว่าปกติ จึงต้องพยายามให้อบอุ่นอยู่เสมอ หรือทายาหม่อง หรือปาล์มเพื่อเพิ่มความอบอุ่นได้

การไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐนะคะ ยังไงก็ต้องพยายามดูแลตัวเองให้ดี ไม่ว่าจะอยู่ในที่ไหนก็ตามค่ะ

27 ก.พ. 56 เวลา 12:43 602 40
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...