หลังการแสดงจบลง เธอจะกลับมาสวมชุดไว้ทุกข์อีกครั้ง และคลานไปยังโลงศพ ก่อนที่จะร้องไห้คร่ำครวญปริ่มขาดใจอีกครั้ง ขณะที่เสียงเพลงจากเครื่องสายบรรเลงคลอเบาๆ เสียงร้องของเธอดูโหยหวนและเอื้อนยาว เหมือนไม่ชัดเจนว่ากำลังร้องไห้หรือร้องเพลง
"พ่อจ๋า ลูกสาวคนนนี้คิดถึงใจจะขาด โปรดเถิดจงกลับมา"
หลิวร้องไห้ให้ดูตามสั่ง แต่ยืนยันว่าการร้องไห้ทุกครั้งเป็นเรื่องจริง เธอคิดเสมอว่าทุกครั้งที่ไปทำงาน จะต้องคิดว่าครอบครัวที่สูญเสียก็เหมือนครอบครัวของเธอ เพื่อให้สามารถใส่อารมณ์ไปได้อย่างเต็มที่ และเมื่อเห็นคนที่มาร่วมงานเศร้าโศก นั่นทำให้เธอเศร้ายิ่งกว่า
ภาพลักษณ์ของเธอดูเหมือนสาวสมัยใหม่มากกว่าที่จะมาทำอาชีพโบราณเช่นนี้ หลิน เจิ้งจาง ผู้อำนวยการบริษัทรับจัดพิธีศพ ซึ่งทำงานร่วมกับหลิวมานานหลายปี กล่าวว่า นั่นทำให้เธอดูแตกต่างจากคนอื่น โดยทั่วไปคนมักมองว่าอาชีพนี้เหมาะกับผู้หญิงที่อายุมากกว่าเธอ แต่ด้วยความสาวและสวยของเธอ ทำให้เกิดจุดเดนและสร้างความสนใจได้มาก
แต่นี่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ ที่เป็นสาเหตุว่าทำไมเธอจึงจ้างพนักงานหญิงสาวสวยเพิ่มอีก 20 คน เพื่อช่วยบริการในงานศพ ทั้งการทำศพและช่วยงานในพิธี เธอกล่าวว่า ธุรกิจแบบนี้ยังคงไม่มีใครทำ โดยเฉพาะทางภาคเหนือของไต้หวัน มันจึงประสบความสำเร็จว่าที่คาดไว้มาก แต่เธอก็เองก็ทราบดี ว่าเธอต้องแสวงหาลู่ทางธุรกิจใหม่ๆอยู่เสมอ แต่อย่างไรเสีย เะอไม่มีวันที่จะทิ้งธุรกิจครองครัวชนิดนี้แน่นอน
หลิวกล่าวว่า มันเป็นธุรกิจที่ยายของเธอสร้างมาด้วยความยากลำบากจากความไม่มีอะไรเลย และเธอจะต้องถ่ายทอดสิ่งที่ยายสอนให้แก่คนอื่นๆ และสืบทอดธรรมเนียมโบราณนี้ต่อไป