เมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 24 กุมภาพันธ์ ที่หน้าห้างสรรพสินค้าเทสโก้โลตัส ถ.พระราม 4 แกนนำพรรคประชาธิปัตย์ นำโดย นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ส.ส.สุราษฎร์ธานี นายชวน หลีกภัย ประธานที่ปรึกษาพรรค นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายจุรินทร์ ลักษณะวิศิษฏ์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน เปิดเวทีปราศรัยย่อมช่วย ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคประชาธิปัตย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า สำหรับประชาชนที่ยังไม่ได้ตัดสินใจจะเลือกใครขออย่าได้เลือกผู้สมัครอิสระ เพราะจะส่งผลให้ ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ แพ้การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการแข่งขันระหว่างคนที่เคยทำงานกับคนที่ไม่เคยทำงาน แน่นอนว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ ทำงานมา 4 ปีต้องมีจุดอ่อน ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก็ตาม ม.ร.ว.สุขุมพันธ์มีจุดแข็งอยู่ 5 ข้อคือ 1 ไม่โกง 2 มีความสุภาพ 3 มีผลงาน 4 เป็นนักต่อสู้ 5 ไม่เล่นการเมือง

นายสุเทพ กล่าวตอนหนึ่งว่า มีสื่อมวลชนที่เป็นลูกสมุนของ พ.ต.ท.ทักษิณ ออกมาโวยวายไม่ให้ตนนำเรื่องเก่ามาพูด แต่ตนยืนยันที่จะพูด เพื่อสร้างความกระจ่างเหล่านั้นให้ประชาชน การชุมนุมทางการเมืองในปี 53 นั้น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พยายามอย่างยิ่งที่จะเจรจากับผู้ชุมนุม ก็ไม่มีผลแต่อย่างใด ผู้ชุมนุมมีการเผายางรถยนต์ แม้รัฐบาลจะขอรับความช่วยเหลือจากตำรวจแต่ก็ไม่รับความร่วมมือ จนนายอภิสิทธิ์ต้องประกาศภาวะฉุกเฉิน

นายสุเทพ กล่าวว่า จากการชุมนุมดังกล่าวมีการทุบรถยนต์นายกฯ แต่โชคดีที่สามารถเอาตัวรอดกลับมาได้ หลังมีการยึดทรัพย์ พ.ต.ท.ทักษิณ คนเสื้อแดงก็ได้ยกทัพเข้ามา มีอาวุธครบมือ เช่น เอ็ม 16 ปืนอาก้า ระเบิด ฯลฯ และตนต้องการเอาความจริงมาเรียนต่อประชาชนให้ได้รับทราบ เพื่อที่จะไม่ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น
 
"ผู้บริหารช่อง 3 กับนายสรยุทธ สุทัศนะจินดา หากได้ยินเสียงนี้ ขอให้รู้ว่าผมมาทวงบุญคุณ เพราะตอนนั้นเขาจะเผาช่อง 3 ผมได้ไปช่วยไว้ อยากรู้จริงๆว่าหัวใจคุณสรยุทธ์นั้นทำด้วยอะไร" นายสุเทพ กล่าว

ด้านนายอภิสิทธิ์ กล่าวตอนหนึ่งว่า วันนี้มาปราศรัยใกล้ช่อง 3 จึงอยากบอกว่าชุมนุมทางการเมืองในปี 2553 ครั้งนั้นตนได้รับโทรศัพท์จากผู้สื่อข่าวช่อง 3 และให้เข้าไปทำการช่วยเหลือนำตัวออกมาจากตึก เพราะผู้ชุมนุมจะทำร้าย และสามารถช่วยไว้ได้ แต่ไม่แน่ใจว่านายสรยุทธ จะจำได้หรือไม่ เพราะเห็นออกมาพูดทำนองว่า ปชป.นำเรื่องนี้มาพูดจะสร้างความขัดแย้งให้บ้านเมืองอีก แต่ตนคิดเรื่องนี้จำเป็นต้องพูด เพราะมันคือความจริงที่ชาว กทม.ต้องได้รับทราบ