เมื่อเวลา20.00 น. วันที่ 20 ก.พ. ร.ต.ท.สุวรรณชัย ซาเสน พนักงานสอบสวน สน.ทองหล่อ ได้รับแจ้งเหตุมีคนแทงกันเสียชีวิตบริเวณด้านหลังของห้างบิ๊กซี สาขาพระราม4 ซอย สุขุมวิท 26 ถนนพระราม4 แขวงและเขตคลองเตย กทม. จึงรีบรุดไปตรวจสอบพร้อมด้วย พ.ต.อ.จักร จิตตธรรม รองผบก.น.5 พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม พงส.ผทค.สน.ทองหล่อ เจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน(พฐ.) แพทย์นิติเวชฯรพ.ตำรวจ และเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู
ที่เกิดเหตุเป็นบริเวณลานจอดรถด้านหลังของห้างดังกล่าว พบศพนาย สุวิทย์ ไกรพัฒ อายุ 28 ปี อยู่บ้านเลขที่ 3 หมู่ 8 ต.ศาลาลาย อ.ชนแดน จ.เพชรบูรณ์ สภาพศพนอนหงายจมกองเลือด สวมเสื้อกั๊กวินด้านข้างห้างบิ๊กซีใกล้ตลาดนัด หมายเลข 103 สวมเสื้อเชิตแขนยาวสีเลือดหมู นุ่งกางเกงแสลคขายาวสีดำ พบบาดแผลถูกแทงด้วยของมีคมบริเวณใต้ราวนมซ้าย 1 แผล ถัดไปพบรถจยย.ฮอนด้าเวฟ สีแดง-ดำ ทะเบียน ขคข 475 หมวดจังหวัด เพชรบูรณ์ จอดอยู่ ใกล้กันพบปลอกมีหนังสีดำยาว 7 นิ้วตกอยู่ จึงรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ก่อนนำศพส่งสถาบันนิติเวชฯรพ.จุฬาฯ
พ.ต.อ.จักร จิตตธรรม เปิดเผยว่า จากการสอบสวนทราบว่า ก่อนเกิดเหตุขณะผู้ตายกำลังนั่งรอคิววิน จยย. อยู่นั้นมีเพื่อนที่ขับวินด้วยกันทราบชื่อ นายนิรันดร์ หนูประเสริฐ อายุประมาณ 28 ปี ขับรถอยู่ที่วินดังกล่าวหมายเลขเสื้อเบอร์ 45 เข้ามาหาเรื่องจนมีปากเสียงกัน จากนั้นทั้งคู่ได้ท้าทายกันไปชกต่อยบริเวณที่เกิดเหตุดังกล่าว โดยทั้งคู่ได้มีการชกต่อยกันจนฝ่ายนายนิรันดร์สู้ไม่ได้จึงวิ่งไปหยิบมีดที่พกมาวิ่งเข้ามาแทงผู้ตายจนเสียชีวิต จากนั้นได้หลบหนีไปที่บ้านย่านคลองเตย
พ.ต.อ.จักร เผยต่อว่า หลังจากเกิดเหตุทางเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบไปที่บ้านของนายนิรันดร์ พบว่าไม่อยู่ที่บ้านแล้ว จากการสอบถามคนในละแวกนั้นทราบว่าเห็นผู้ต้องสงสัยขับจยย.เข้ามาที่บ้านด้วยอาการเร่งรีบจากนั้นได้เก็บข้าวของและขับรถกระบะของที่บ้านออกไป นอกจากนี้ทางเจ้าหน้าที่ได้ทำการตรวจสอบประวัตินายนิรันดร์ ทราบว่าเคยก่อเหตุคดีอาญาหลายคดี “ทาง ตร.ได้สอบปากคำญาติผู้ตายทราบว่า ผู้ตายพักอยู่กับแฟนสาวที่ย่านตรอกไผ่สิงโต เพิ่งมาขับที่วินดังกล่าวแค่ 3 เดือน แล้วเคยเล่าให้ฟังว่าเคยมีปากเสียงกับเพื่อนที่วินคนหนึ่งอยู่บ่อยครั้ง ทราบเพียงว่าคนนั้นขับวินดังกล่าวมาเป็นเวลานานแล้วแต่ก็ไม่ได้คิดอะไรจนมาทราบว่าเสียชีวิต
เบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่คาดว่าผู้ตายกับผู้ต้องสงสัยมีเรื่องหมาดหมางกันเล็กน้อยแต่คนทั้งคู่เป็นคนอารมณ์ร้อนจนก่อเหตุดังกล่าว อย่างไรก็ตามจะทำการเรียกตัวพยานและญาติมาทำการสอบสวนอีกครั้ง ทั้งนี้จะประสานให้ฝ่ายสืบสวนลงพื้นที่หาข่าวเพิ่มเติมรวมทั้งกล้องวงจรปิดละแวกดังกล่าวเพื่อนำตัวคนร้ายมาดำเนินคดีต่อไป” พ.ต.อ.จักร กล่าว