จากกรณีเหตุคนร้าย 4 คนข่มขืนหญิงสาวชาวสกอตแลนด์ อายุ 20 ปี เมื่อวันที่ 15 ก.พ. ที่ผ่านมา ที่ระเบียงอาคารพาณิชย์ข้างห้างโรบินสัน-โอเชี่ยน ต.คลัง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ขณะที่เจ้าหน้าที่ยังไม่แน่ใจว่าเหตุเกิดขึ้นจริงหรือไม่ เนื่องจากการสอบสวนผู้เสียหายและพยานแวดล้อมนั้นขัดแย้งกัน เพราะตลอดเวลามีพยานระบุเห็นความเคลื่อนไหวของผู้เสียหายตลอดเวลา ทำให้ตำรวจยังไม่ค่อยเชื่อว่าโดนข่มขืนจริง และก็ได้เร่งทำการสอบสวนเพื่อหาคนร้าย ขณะที่ผลออกมาพบว่าพบอสุจิในช่องคลอดของผู้เสียหายนั้น

 ล่าสุดเมื่อคืนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้จับกุมตัวนายพงศ์พัฒน์ โพโส้ย หรือ เอ็ม อายุ 26 ปี ที่บ้านพัก ม.3 ต.โพธิ์เสด็จ อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ทำงานอยู่ที่ร้านยางรถยนต์แห่งหนึ่งในตัวเมือง และเป็นคนที่มาเที่ยวที่ร้านข้าวต้มโต้รุ่งร้าน “นครเวียงจันทร์” หลังจับกุมเจ้าหน้าที่ก็ได้เชิญตัว หญิงสาว ผู้เสียหายเดินมาพร้อมกับแฟนหนุ่มชาวประเทศเดียวกันมาชี้ตัวผู้ต้องหาที่ สภ.เมือง แต่ไม่สามารถชี้ตัวได้ โดยอ้างว่าจำอะไรไม่ได้ทั้งนั้น และไม่สามารถที่จะจำหน้าคนร้ายได้เพราะอยู่ในอาการมึนเมาอย่างหนัก

 ขณะที่นายพงศ์พัฒน์ ผู้ต้องหายอมรับสารภาพว่า ตอนแรกได้เข้าไปให้การช่วยเหลือสาวผู้เสียหายเนื่องจากมีบาดแผลที่บริเวณเข่า จึงได้นำกระดาษไปเช็ดเลือดให้ แต่ขณะที่กำลังเช็ดเลือดอยู่นั้นได้เห็นขาขาวๆ อวบๆ ของผู้เสียหายที่นุ่งกระโปรงสั้น ทำให้เกิดความรู้สึกทางเพศ จึงมารอผู้เสียหายที่ชั้นล่าง จากนั้นก็เดินไปพร้อมกัน ขึ้นไปบนระเบียงชั้นสอง เมื่อไปถึงที่มืดก็ได้ลงมือก่อเหตุถึง 2 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ แต่ขณะก่อเหตุนั้นผู้เสียหายไม่ได้ขัดขืนแต่อย่างใด

 ต่อมาเวลา 10.30 น. วันที่ 20 ก.พ. พล.ต.ต.รณพงษ์ ทรายแก้ว ผบก.ภ.นครศรีธรรมราช พร้อม พ.ต.อ.สนธิชัย อาวัฒนกุลเทพ รอง ผบก. , พ.ตอ.สมพงศ์ ทิพอาภากุล ผกก.สภ.เมือง และกำลังเจ้าหน้าที่นำตัวนายพงศ์พัฒน์ ผู้ต้องหาไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังที่เกิดเหตุ โดยทำแผนตังแต่ตอนนายพงศ์พัฒน์ เข้ามาในร้านและเจอผู้เสียหาย ออกไปคุยกันที่บริเวณชั้น 2 ของร้าน หลังจากที่ผู้เสียหายเดินออกจากร้านและหกล้มจนเลือดออก และขณะที่ผู้ต้องหารออยู่หน้าร้านก็ได้ทำทีให้การช่วยเหลือเหยื่อใช้กระดาษทิตชู่เช็ดเลือดที่เข่าให้

 หลังจากนั้นผู้ต้องหาก็ได้ตามผู้เสียหายไปยังจุดเกิดเหตุที่บริเวณระเบียงชั้น 2 ของอาคารพาณิชย์ซึ่งห่างจากร้านข้าวต้ม “นครฯเวียงจันทน์” ประมาณ 30-40 เมตร ซึ่งเป็นที่มืดพอสมควร ก่อนผู้ต้องหาจะมีการลงมือข่มขืนผู้เสียหายในที่สุด ซึ่งการทำแผนได้รับความสนใจจากชาวบ้านรวมทั้งพนักงานของห้างเป็นจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ได้วางกำลังนับ 100 นายเพื่อป้องกันเหตุชาวบ้านรุมประชาทัณฑ์ โดยใช้เวลาในการทำแผนประกอบคำรับสารภาพประมาณ 30 นาที ก่อนจะนำตัวไปดำเนินคดีตามกฏหมาย

 พล.ต.ต.รณพงศ์ เปิดเผยว่า จับกุมตัวผู้ต้องหาเมื่อเวลาประมาณ 4 ทุ่มที่ผ่านมา ซึ่งเรื่องนี้ค่อนข้างยุ่งยากเนื่องจากผู้เสียหายเมามากจนจำอะไรไม่ได้เลย ตอนแรกบอกว่ามีคนร้าย 4 คนนำรถยนต์กระบะมานำตัวไปก่อเหตุที่อื่น แต่ไม่เป็นไปตามนั้น แต่มีการกระทำชำเราเกิดขึ้นจริงในช่วงเวลาประมาณ 30 นาที ในช่วงเวลา 03.13 น.ไปจนถึง 03.45 น.ของคืนเกิดเหตุ และเรามีประจักษ์พยานที่อยู่ในเหตุการณ์ช่วงเกิดเหตุซึ่งเป็นเพื่อนของผู้ต้องหาให้การเป็นประโยชน์มาก จนสามารถไปนำตัวผู้ต้องหามาได้

 ผู้ต้องหาก็ให้การรับสารภาพว่าทำ 2 ครั้ง แต่ไม่สำเร็จเพราะเมามากเช่นกัน จึงใช้นิ้วทำกับผู้เสียหายแทน ส่วนอสุจิที่พบในช่องคลอดผู้เสียหายนั้นไม่แน่ใจว่าเป็นของผู้ต้องหาหรือของแฟนผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายได้มีเพศสัมพันธ์มาแล้ว 4 วัน แต่ผู้ต้องหายอมรับว่าได้กระทำแต่ไม่สำเร็จ ซึ่งถือว่าเมื่อมีการล่วงล้ำเข้าไปแล้วถือว่าเป็นการข่มขืน ส่วนจะเป็นการสมยอมหรือไม่นั้นมีพยานเห็นระบุว่าไม่มีการขัดขืน ส่วนการทำร้ายร่างกาย พยานระบุว่าไม่มี แต่เกิดจากหกล้มตอนอยู่ในร้าน

 “ส่วนขั้นตอนต่อไปก็จะดำเนินการตามกฎหมาย ซึ่งได้สอบปากคำพยานไว้แล้ว และผู้เสียหายจะเดินทางกลับประเทศในช่วงดึกคืนนี้ โดยทางตำรวจภูธรนครศรีธรรมราช ได้บริการการเดินทางไปยังท่าอากาศยานสุวรรณภูมิในช่วงเย็นของวันเดียวกัน อย่างไรก็ตามในทางคดีได้ประสานกับศาลจังหวัดนครศรีธรรมราช เพื่อทำการสืบพยานล่วงหน้า เนื่องจากผู้เสียหายเป็นชาวต่างประเทศต้องเดินทางกลับประเทศของเขาซึ่งศาลได้อนุมัติเรียบร้อยแล้ว” พล.ต.ต.รณพงษ์ กล่าว

 ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานจากชุดสืบสวนว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นน่าจะเกิดจากการสมยอม แต่ในคืนดังกล่าวมีแฟนหนุ่มของผู้เสียหายออกตามหาผู้เสียหายตลอดทั้งคืน เพราะยังไม่กลับที่พัก ก่อนจะพบผู้เสียหายในสภาพเมาอย่างหนัก ทำให้แฟนหนุ่มไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยผู้เสียหายได้บอกกับแฟนตัวเองว่าถูกข่มขืน จึงทำให้มีการแจ้งความเป็นคดีใหญ่ดังกล่าว