เช่นเดียวกันนักปรจิตวิทยา หรือไซซิค หญิงชาวอเมริกัน มิเรียม ดีลิคาโด เคยถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวขึ้นไปบนยานอวกาศ แล้วเปิดมอนิเตอร์ให้ดูชะตากรรมของโลกในอนาคต ที่ต้องเผชิญกับมหาภัยพิบัติหนักที่สุดถึง 3 ประการ
มิเรียม ปิดบังเรื่องนี้เป็นความลับเกือบ 20 ปี เมื่อเร็วๆนี้ เธอตัดสินใจ เปิดเผยกับสื่อมวลชน โดยพิจารณาแล้วว่า เหตุมหาภัยพิบัติโลกกำลังใกล้เข้ามาทุกที มีเรียม ถูกมนุษย์ต่างดาวลักพาตัวไปเมื่อครั้งเธอมีอายุ 22 ปี ขับรถยนต์เดินทางไปกับเพื่อนชาย 1 คน ไปตามถนนไฮเวย์ ระหว่างเมือง เป็นเหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อ ต้นเดือนตุลาคม ค.ศ. 1988 เธอถูกยานอวกาศต่างดาว หรือ ยู.เอฟ.โอ. ไล่ตาม
“มันเป็นคืนเดือนมืด ดังนั้นแสงสว่างที่เข้าใกล้เราเข้ามาเรื่อยๆ เราคิดว่าเป็นรถบรรทุก 18 ล้อ แต่น่าแปลกเมื่อมีรถยนต์ขับสวนทางมา หรือผ่านบ้านคนแสงสว่างนั้นก็หายไป”
“พอไปตามถนน ซึ่งไม่มี รถยนต์แล่นสวนมาหรือผ่านบ้านคน แสงสว่างนั้นก็เกิดขึ้นอีก มันร่อนจากมุมสูง ซึ่งฉันกับเพื่อนคิดว่าเป็นรถบรรทุกหัวลากขนาดใหญ่” มิเรียมเล่าย้อนอดีต
“มีอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง ลำแสงนั้น สาดส่องมาจากด้านบนอย่างเห็นได้ชั้ด ฉันรู้แล้วมันไม่ใช่รถบรรทุกน่าจะเป็นเครื่องบิน หรือ เฮลิคอปเตอร์ แต่น่าแปลกใจไม่ได้ยินเสียงเครื่องยนต์แม้แต่น้อย”
“ทันใดนั้นเอง เพื่อนชายของฉันอุทานอย่างตกใจสุดขีด เขาบังคับรถเข้าข้างทาง ฉันหันกลับไปมองทางด้านหลังตามที่เขาชี้นิ้วให้ดู ฉันเองแทบช็อก มีร่างกายคล้าย 2 คน เหมือนลอยอยู่ที่เบาะหลัง”
“คนเหล่านั้น ฉันไม่เคยพบเห็นที่ไหนมาก่อน เขามีหัวโต ตากลมโต ไม่มีใบหู ร่างเล็กลีบ แขนยาว”
“ฉันได้ยินเสียงลอยเข้ามาในสมองโดยตรง สั่งให้ฉันออกจากรถยนต์ อย่าดิ้นรน พวกเขาไม่ทำร้าย แต่เชิญขึ้นไปบนยานอวกาศซึ่งลอยลำอยู่เหนือรถยนต์”
“ฉันถูนำออกจากรถยนต์ ขณะที่เพื่อนชายนิ่งสนิท เหมือนคนถูกสะกดจิต แสงสีส้มฉายลงมาจากท้องยานอวกาศ มันดูดร่างฉัน กับมนุษย์ต่างดาว 2 คนขึ้นไป”
“พวกเขาสั่งให้ฉันนั่งบนเก้าอี้เบื้องหน้าเป็นจอมอนิเตอร์ขนาด 30 นิ้ว เขาชี้ให้ชั้นดู บอกว่า โลกในอนาคตอันใกล้ต้องเผชิญกับมหาภัยพิบัติเหล่านี้”
“เกือบ 3 ชั่วโมง ฉันถูกตรึงไว้กับเก้าอี้ สมองฉันเหมือนถูกดาวน์โหลดข้อมูลทุกอย่างจากจอมอนิเตอร์ จากนั้นความรู้สึกก็ดับวูบไป มารู้สึกตัวอีกที ฉันมานั่งอยู่ในรถยนต์ และเพื่อนชายมองฉันอย่างแปลกใจ ว่าฉันหายไปไหนมา”
“นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา ฉันอยากจะบอกทุกคนว่า ฉันพบเห็นโลกอนาคตมาอย่างไร ได้แต่กลัวเขาไม่เชื่อจึงปกปิดเอาไว้โดยคิดว่าเมื่อถึงเวลาค่อยเปิดเผยก็แล้วกัน”
“สิ่งที่ฉันเห็น และเกิดขึ้นกับโลกในอนาคต คือสงครามนิวเคลียร์ อุกกาบาตพุ่งชนโลก คลื่นยักษ์สึนามิสูงกว่า 1 ไมล์ และภูเขาไฟระเบิด ทำให้เกิดแผ่นดินไหวไปทั่วโลก”
“มหาภัยพิบัติ ซึ่งจะเกิดขึ้นกับโลกเหล่านี้ ชาวโลกทุกคนกำลังมุ่งไปหามันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เผ่าพันธุ์มนุษย์อาจสูญพันธุ์ไปในยุคนี้ก็ได้”
มิเรียมได้เปิดเผยอีกว่า “มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ ไม่ใช่ศัตรูของพวกเรา แต่เป็นผู้ดูแล ผู้ช่วยเหลือเรา เมื่อถึงเวลานั้น พวกเขาอาจแสดงตัวออกมาก็ได้”
“มนุษย์ต่างดาวเหล่านี้ มาอยู่บนโลกก่อนที่คนเราจะอุบัติขึ้นมาเสียอีก ทุกวันนี้พวกเขามีสภาพที่ไม่เป็นสภาพ คือดำรงอยู่ในสภาพใดก็ได้ และอาจอยู่รอบๆตัวเรา โดยที่เราไม่เคยรับรู้หรือสัมผัสได้”
“พวกเขาเป็นสิ่งที่มีชีวิตชั้นสูง ที่พัฒนาไปเป็นสสารที่แปรสภาพได้ตามใจชอบ และพวกเราอาจได้รับการสร้างจากพวกเขาก็เป็นได้”
ขณะเดียวกัน นักดาราศาสตร์อวกาศ พอล เดวีส์ สนับสนุน ทฤษฎีของ มิเรียม โดยยืนยันว่า อี.ที. หรือ มนุษย์ต่างดาว มาอยู่บนโลกนานมากแล้ว
ศาสตราจารย์พอล เดวีส์ เป็นอาจารย์สอนอยู่ที่ มหาวิทยาลัยอริโซนา เขาตั้งทฤษฎี บนความเชื่อว่า มนุษย์ต่างดาวมี “สภาพ” ต่างจากมนุษย์ ไม่มีใครรู้ว่าเขามีสภาพแท้จริงอย่างไร หรืออาจเป็นสิ่งมีชีวิต ที่มีเพียงโมเลกุลเดียว
เมื่ออยู่ในสภาพแปรเปลี่ยนเป็นอะไรก็ได้ หรื่อผสมผสานกับวัตถุธาตุอะไรก็ได้ มนุษย์ต่างดาวจึงอาศัยอยู่ได้ในทุกๆที่ของโลก ไม่อยู่ในใบไม้ ก้อนหิน ในถ้ำ ใต้ทะเล หรืออยู่ในตัวมนุษย์
“พวกเขาอาจอาศัยอยู๋ใต้จมูกของเรา หรืออยู๋ในรูจมูกก็ได้” ศาสตราจารย์พอล เดวีส์ กล่าวติดตลก “เราเคยเรียนรู้มา สัตว์โลกล้วนมาจากเผ่าพันธุ์เดียวกัน คือ สัตว์เซลล์เดียว แต่มนุษย์ต่างดาวเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกปลอมไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกับพวกเรา”
“แม้เราจะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร มาจากไหน มาทำอะไรบนโลก แต่ก็น่าภูมิใจว่า มนุษยเราไม่ได้อยู่โดดเดี่ยวในจักรวาล” ศาสตราจารย์พอล กล่าว