วันนี้ (18 ก.พ.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ว่า ทารกเพศหญิงอายุ 1 สัปดาห์ชาวอินโดนีเซีย เสียชีวิตจากอาการแทรกซ้อนของโรคระบบทางเดินหายใจ หลังถูกปฏิเสธไม่รับเข้ารักษาจากโรงพยาบาล 10 แห่งในเมืองหลวงกรุงจาการ์ตา โดย นายเอลเลียส เซตยา นูโกรโฮ พ่อของเด็กเคราะห์ร้าย เผยว่า ด.ญ.เดรา นูร์ อังกราอินี เกิดก่อนกำหนดเมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยเป็นลูกสาวฝาแฝด ด.ญ.เดรา มีอาการปกติที่บริเวณลำคอตั้งแต่คลอด ทำให้เป็นอุปสรรคต่อการหายใจ และเมื่อล้มป่วยจึงเกิดอาการแทรกซ้อน ซึ่งเขาและครอบครัวได้พาลูกสาวไปขอรับการรักษาจากโรงพยาบาลต่างๆ แต่ถูกปฏิเสธถึง 10 แห่ง โดยหลายแห่งอ้างว่าไม่มีเครื่องมือรักษา ส่วนบางแห่งกล่าวว่า เตียงเต็มไม่มีเตียงนอนรักษา
นายเอลเลียส เผยอีกว่า ในที่สุดเขาและครอบครัวจำใจต้องพาลูกสาว กลับไปที่โรงพยาบาลเอกชนชื่อ ซาฮิรา ในกรุงจาการ์ตา ที่ซึ่งลูกสาวฝาแฝดคลอด แต่โรงพยาบาลเรียกร้องขอเงินค่ามัดจำรักษาจำนวน 15 ล้านรูเปียห์ (ประมาณ 56,560 บาท) แม้ว่าเขาจะมีบัตรรักษาพยาบาลฟรี สำหรับคนรายได้น้อยที่รัฐบาลออกให้ นายเอลเลียส ซึ่งมีอาชีพเร่ขายรองเท้าแตะตามท้องถนน เผยอีกว่า เขาไม่มีเงินพอตามที่โรงพยาบาลซาฮิราเรียกร้อง ในที่สุดลูกสาวก็เสียขีวิตลง และเพิ่งฝังศพเมื่อวันอาทิตย์ (17 ก.พ.) ที่สุสานใกล้บ้าน ส่วน ดารา ลูกสาวฝาแฝดอีกคน ซึ่งมีน้ำหนักตัวตอนคลอด 1.4 กิโลกรัม ขณะนี้กำลังป่วยหนักอยู่ที่โรงพยาบาลของรัฐแห่งหนึ่ง
ทางด้าน นางนาฟซิยะห์ เอ็มบอย รัฐมนตรีสาธารณสุขอินโดนีเซีย กล่าวว่า เด็กทารกหญิงที่เสียชีวิต มีโอกาสรอดชีวิตน้อยมาก เนื่องจากตอนคลอดมีน้ำหนักตัวแค่ 1 กิโลกรัม ขณะที่ทารกเกิดใหม่โดยทั่วไปมีน้ำหนักเฉลี่ยที่ 3 กิโลกรัม นอกจากนั้นเธอยังยอมรับว่า กรุงจาการ์ตามีทรัพยากรไม่เพียงพอ ที่จะรักษาอาการแทรกซ้อนของเด็กทารกเกิดใหม่ เนื่องจากทั่วเมืองหลวงมีห้องฉุกเฉินสำหรับเด็กทารกหลังคลอดเพียงแค่ 10 แห่ง และทุกำแห่งเต็มหมด.