ช่วยทัน"ทองกวาว"

โผล่ที่เชียงของ ผู้ว่ารุดรับกลับ อาลัย-ฝังคล้าว



ฝัง"คล้าว" - ชาวบ้านร่วมพิธีฝังซาก"ไอ้คล้าว"ควายเพศผู้ที่พระองค์ภาทรงไถ่ชีวิต ที่วัดโตนดเตี้ย จ.พระนครศรีอยุธยา ขณะที่"ทองกวาว"เพศเมีย ตามไปช่วยจากเชียงของ จ.เชียงรายกลับมาได้ เมื่อ17 ก.พ.

เจ้าอาวาสวัดโตนดเตี้ย พร้อมผู้ว่าฯกรุงเก่า เดินทางขึ้นไปรับตัว"ทองกวาว" ควายที่ถูกขายไปอยู่ที่เชียงของ จ.เชียงราย หลังประสานตร. ท้องที่ช่วยตามหาตามเบาะ แสที่ได้จากคนร้าย พบอยู่ที่โรงควาย คนรับซื้อพอรู้ว่าเป็นควายที่พระองค์ภาประทานก็แทบช็อก ยอมส่งคืนทันที เผยซื้อจากตลาดควายที่อุทัยธานี ตั้งใจเก็บไว้ทำแม่พันธุ์ เผยนำกลับวัดทันทีพร้อมเตรียมทำพิธีบายศรีสู่ขวัญ ส่วนซากเจ้าคล้าวทำพิธีฝังแล้ว ชาวบ้านร่ำไห้เสียใจ จี้เอาผิดคนร้ายและผู้เกี่ยวข้อง ส่วน 2 คนร้ายที่ถูกจับซัด "ไอ้เตี้ย" เพื่อนร่วมแก๊งที่หลบหนีเป็นตัวการทั้งหมด โดยไม่รู้ว่าเป็นควายประทาน และเป็นควายวัด หลังทราบจากข่าวก็รีบติดต่อคนซื้อ แต่ห้ามไม่ทันเพราะขายต่ออีกทอดเข้าโรงฆ่าไปก่อนแล้ว ผู้การฯประชุมทีมสอบสวนหาทางเอาผิดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นคนขโมย คนรับซื้อ และโรงเชือด



จากเหตุการณ์นายทองแดง หรือจ้อย สินสิบ และนายสุระชัย หรือใหญ่ สุดา ร่วมกับนายเตี้ย ไม่ทราบนามสกุล ขโมยควายเพศผู้ชื่อคล้าว และเพศเมียชื่อทองกวาว อายุ 5 ปี ไปจากวัดโตนดเตี้ย อ.อุทัย จ.พระนครศรี อยุธยา เมื่อวันที่ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา โดยควายทั้งสองตัวนั้น พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าพัชรกิติยาภา ทรงไถ่ชีวิตมาจากโรงฆ่าสัตว์ และประทานให้วัดโตนดเตี้ยเลี้ยงดูเมื่อปีพ.ศ.2551 ตำรวจสามารถจับกุมคนร้ายได้ 2 คน คือนายทองแดง และนายสุระชัย พร้อมออกตามหาควายทั้ง 2 ตัวก่อนต้องสลดใจเมื่อพบ เจ้าคล้าวถูกเชือดไปก่อนแล้วที่โรงฆ่าสัตว์ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ส่วนเจ้าทองกวาว กำลังตามรอยอยู่นั้น



ความคืบหน้าเมื่อวันที่ 17 ก.พ. พ.ต.อ. คมกฤติ ออนตระไคร้ ผกก.สภ.เชียงของ จ.เชียงราย ได้รับการประสานจากตำรวจพระนครศรีอยุธยา ให้ช่วยตามหาควายทอง กวาว หลังทราบว่าขายมายังพื้นที่อ.เชียงของ โดยพระครูเกษม พัฒนาภรณ์ เจ้าอาวาสวัดโตนดเตี้ยและคณะเดินทางขึ้นมาสมทบช่วยตามหาด้วย พร้อมประสานกับโรงฆ่าสัตว์และกลุ่มพ่อค้าควาย กระทั่งพบเบาะแสว่าควายทองกวาว มีนายฮ่าน ไชยสี อายุ 61 ปี รับซื้อไป จึงเดินทางไปตรวจที่โรงควายท้ายหมู่บ้านเชียงคาน ม.14 ต.สถาน อ.เชียงของ พบทองกวาว ถูกมัดเอาไว้ติดกับเสาภายในโรงควายยกหลังคาสูงกว้างขวางและมีกองฟางกองใหญ่เป็นอาหาร โดยพระครูเกษม ยืนยันว่าเป็นเจ้าทองกวาว



ด้านนายฮ่าน เมื่อทราบว่าควายทองกวาว มีที่มาที่ไปอย่างไรก็แสดงอาการตกใจ โดยให้การว่าซื้อมาจากตลาดนัดโค-กระบือ อ.ทัพ ทัน จ.อุทัยธานี ในราคา 28,000 บาท เห็นว่ามีลักษณะดีตั้งใจจะให้เป็นแม่พันธุ์ แต่เมื่อทราบว่าเป็นควายประทาน และยังถูกขโมยมาก็พร้อมส่งคืนให้กับวัดโตนดเตี้ย แล้วค่อยไปดำเนินการกับคนขายต่อไป



ต่อมานายวิทยา ผิวผ่อง ผู้ว่าฯ พระนคร ศรีอยุธยา พร้อมคณะเดินทางไปรับตัวควายทองกวาว โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำไปยัง สภ.เชียงของ เพื่อบันทึกไว้เป็นหลักฐานด้วย ขณะที่เจ้าทองกวาวพบว่ายังคงมีท่าทีที่กระปรี้กระเปร่าไม่อิดโรยจากการขนส่งระยะไกล รวมทั้งตามลำตัวและอวัยวะต่างๆ สมบูรณ์แข็งแรงไม่มีร่องรอยบาดแผลใดๆ 



พระครูเกษมกล่าวว่า หลังทราบว่าเจ้าทองกวาวยังมีชีวิตหลังจากเจ้าคล้าวถูกเชือดแล้ว ก็รีบเดินทางตามไปที่ อ.เชียงของ โดยเร็วที่สุดเพื่อให้ทันการณ์เกรงจะถูกเชือดอีก กระทั่งตามเจอตัว ส่วนการขนส่งจะนำขึ้นรถเดินทางในช่วงเย็น เพราะอากาศไม่ร้อน คาดว่าจะถึงวัดในตอนเช้ามืด ซึ่งทางวัดและชาวบ้านเตรียมจัดพิธีบายศรีสู่ขวัญให้แล้วด้วย



วันเดียวกัน พล.ต.ต.กรเอก เพชรไชยเวส ผบก.ภ.พระนครศรีอยุธยา เรียกเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวนและพนักงานสอบสวน ผู้ชำนาญการ มาประชุม หาข้อกฎหมายที่จะเอาผิดกับกลุ่มผู้ต้องหาที่ร่วมในการกระทำผิดลักควาย กลุ่มผู้รับซื้อ และโรงฆ่าสัตว์ที่มีส่วนเกี่ยวข้อง หลังจากจับกุมผู้ต้องหาได้ 2 รายคือนายทองแดง และนายสุระชัย ซึ่งให้การสารภาพ



นายสุระชัย สารภาพว่าวันเกิดเหตุได้รับการติดต่อจากนายเตี้ย ให้ไปเอาควายที่ข้างวัดโตนดเตี้ย เมื่อมาถึงพบนายเตี้ย และนายทองแดง จูงควายทั้ง 2 ตัวมาขึ้นรถ ก่อนเดินทางต่อไปยังจ.ลพบุรี โดยนายเตี้ย ขายให้กับผู้ซื้อราคาคู่ละ 65,000 บาท ตนได้ส่วนแบ่ง 25,000 บาท จนมาทราบภายหลังว่าเป็นควายวัด และควายประทานจากพระองค์ภา ก็ตกใจพยายามติดต่อนายเตี้ยและคนซื้อว่าอย่าเพิ่งฆ่าควาย คนซื้อบอกให้นำเงินมาคืนก่อน แต่ตนไม่มีกระทั่งถูกตำรวจจับ จึงสารภาพและพาตำรวจไปตามหาควาย แต่พบว่าเจ้าคล้าวถูกเชือดไปก่อนแล้ว



ด้านนางสมพิศ เป้าบ้านเซ้า อายุ 44 ปี เจ้าของโรงฆ่าสัตว์ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์ ที่เชือดเจ้าคล้าว ให้การว่าซื้อควายมาจากนายเขียว เป็นพ่อค้าควาย จ.ชัยนาท ในราคา 47,000 บาท โดยไม่ทราบว่าเป็นควายที่ถูกขโมยมาจากวัดโตนดเตี้ยและเป็นควายที่พระองค์ภาประทานให้ เพราะปกติไม่รับซื้อควายขโมย รู้สึกเสียใจที่เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ ประกอบอาชีพโรงฆ่าสัตว์มา 20 ปี มีใบอนุญาตถูกต้องและไม่เคยมีปัญหามาก่อน



ส่วนที่วัดโตนดเตี้ย ตั้งแต่ช่วงเช้ามีชาวบ้านเดินทางมาดูซากเจ้าคล้าวตลอดทั้งวัน โดยทางวัดนำมาตั้งเอาไว้หลังวัดใกล้กับคอกควาย โดยควายที่อยู่ในคอกทั้ง 8 ตัว ซึ่งมีลูกของเจ้าคล้าว อยู่ในคอกด้วย ไม่ส่งเสียงร้องเหมือนทุกวันนอนนิ่งเงียบมองซากเจ้าคล้าว



นางสมวงษ์ กุมุท อายุ 60 ปี บ้านอยู่ใกล้กับวัด เปิดเผยว่ามาทำบุญทุกวันพระที่วัดอยู่ตลอด พบควายประทานเดินไปมาอยู่ในวัด แต่มาถึงวันนี้ควายที่เคยเห็นถูกฆ่าตาย รู้สึกเสียใจไม่น่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เห็นลูกทั้งสองตัวของคล้าวและทองกวาวส่งเสียงร้องมาหลายวันตั้งแต่หายไปจากวัด แต่วันนี้ลูกควายนอนนิ่งเหมือนรู้ว่าคล้าวกลับมา



เวลา 17.00 น. ทางวัดจัดพิธีฝังเจ้าคล้าว มีนางสมทรง พันธ์เจริญวรกุล นายกอบจ. พระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พระครูสุทธิปัญญาโสภณ เจ้าอาวาสวัดท่าการ้อง รองเจ้าคณะอำเภอพระนครศรีอยุธยา เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ พระภิกษุสงฆ์จำนวน 10 รูป สวดมาติกาบังสุกุล มีชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างเดินทางมาร่วมไว้อาลัยประมาณ 500 คน จากนั้นใช้รถแบ๊กโฮ ยกซากควายลงหลุม ก่อนโยนดอกกุหลาบตามลงไป ชาวบ้านที่มาร่วมในงานบางคนถึงกับหลั่งน้ำตา พากันสาปแช่งคนร้าย

18 ก.พ. 56 เวลา 23:20 3,120
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...