ข้อความสื่อสารทางโทรจิตมาจากท่านเมตาตรอน (Metatron)
ผู้รับการสื่อสาร: Tyberonn
วันที่รับการสื่อสาร: 20 กรกฎาคม 2008
เรื่อง: อาณาจักรใต้พิภพ, อาณาจักรเทวะ และ ปรากฏการณ์ UFO
ตอนที่ 1
เราขอกล่าวคำทักทายด้วยความรัก เราคือเมตตาตรอน (Metatron) ราชาแห่งแสงสว่าง
เราขอต้อนรับพวกคุณทุกคนสู่ข้อความที่มีชีวิตข้อความนี้ และเราขอโอบกอดพวกคุณด้วยความรัก
ตอนนี้พวกคุณคงคิดว่า ดาวเคราะห์ของพวกคุณเป็นรูปทรงกลมทึบตันอยู่ใช่ไหมหละ
แต่ชาวโลกที่รักทั้งหลาย แท้ที่จริงแล้ว ดาวเคราะห์ของพวกคุณมีลักษณะแบนตรงหัวและท้ายต่างหาก
และมันก็มีโพรงอยู่ข้างในมากมายด้วย ซึ่งโพรงเหล่านี้ ก็คือบ้านของผู้ที่พวกคุณเรียกกันว่า
“อารยธรรมที่สาบสูญ” (Lost civilization) ทั้งหลายนั่นเอง
นักธรณีวิทยาได้ประมาณการอายุของดาวเคราะห์โลกของพวกคุณว่า มีอายุประมาณ 4.5 พันล้านปีมาแล้ว
และพวกเราก็จะบอกคุณว่า นั่นก็ใกล้เคียงกับความเป็นจริงอยู่ เมื่อเทียบตามบันทัดฐานของศาสตร์ของพวกคุณ
แต่พวกคุณรู้ไหมว่า เมื่อมองจากมุมมองด้านมิติแล้ว
ดาวเคราะห์โลกของพวกคุณ ก็คือกลุ่มของดาวเคราะห์โลกจำนวนมากมาย
(conglomerate of many earths) ที่ซ้อนทับกันอยู่
ด้วยความเป็นไปได้ทั้งมวล อย่างเป็นอนันต์
....................................................................................................................................................
ตอนที่ 2
คำถาม: หลายคนพูดถึงเมืองใต้พิภพ มันมีอยู่จริงหรือไม่ครับ และมันอยู่ที่ไหน?
Metatron: มันมีอยู่จริงๆ และก็มีอยู่นานแล้วด้วย ผู้ที่อาศัยอยู่ที่นั่น ก็คือรูปธรรมชีวิตคล้ายมนุษย์นี่แหละ
ที่ครั้งหนึ่งเคยอยู่ในอาณาจักรเลมูเรีย (Lemuria) และที่เคยอยู่ในช่วงสุดท้ายของอาณาจักรแอตแลนติส (Atlantis) มาก่อน
พวกเขาได้ค้นพบทางเข้าไปสู่โพรงที่อยู่ภายในโลก ซึ่งภายในโลก มีโพรงขนาดใหญ่เหล่านั้นอยู่มากมาย
ซึ่งครั้งหนึ่งพวกมันเคยถูกเชื่อมต่อกันด้วยเครือข่ายอุโมงค์ขนาดใหญ่มากมาย
รูปธรรมชีวิตที่เป็นผู้เข้าไปอยู่ในโพรงเหล่านั้นเป็นพวกแรก คือผู้ที่มีร่างกายเนื้อกึ่งกายทิพย์
นั่นคือยังมีกายเนื้ออยู่แต่ว่าจะไม่หยาบและทึบตันเหมือนกับของชาวโลกที่อาศัยอยู่บนพื้นผิวโลก
เหตุผลที่ชาวเลมูเรียต้องอพยพลงมาอยู่ในโพรงใต้พื้นโลกในตอนแรก ก็เพราะว่าต้องการหลบหนี
จากการก่อกวนของสิ่งที่พวกคุณเรียกว่าไดโนเสาร์ ที่มีอยู่เต็มไปหมดบนพื้นทวีปของพวกเขาในสมัยนั้น
เมื่อพวกเขาค้นพบสถานที่ๆสงบเงียบและสวยงามได้แล้ว พวกเขาก็ได้เรียนรู้ว่ามันมีดวงอาทิตย์อยู่ภายในโลกด้วย
ซึ่งดวงอาทิตย์ที่ว่านี้จะแผ่แสงสว่างสีฟ้าออกมา และชาวเลมูเรียโบราณ ซึ่งอยู่ในรูปกายกึ่งกายทิพย์ทั้งหลายนี้
ก็ได้พัฒนาวิธีการที่จะมองเห็นได้ภายใต้แสงสว่างนี้ และพวกเขาก็ค้นพบความสวยงามที่น่าอัศจรรย์ภายในโพรงเหล่านี้
ชาวโลกหลายคนเข้าใจว่าชาวเลมูเรียได้ “เลื่อนระดับขึ้น” (Ascend) ไปข้างบนเรียบร้อยแล้ว
แต่ความจริงก็คือ พวกเขา “เลื่อนระดับลง” (descend) เข้ามาอยู่ในใจกลางโลกต่างหาก
แต่ถ้าจะเรียกว่า “พวกเขาเสร็จกิจแล้ว” หรือ “เลื่อนระดับขึ้น” ไปแล้ว ก็น่าใกล้เคียง
มันมีโพรงที่อยู่ภายในโลก ใต้บริเวณรัฐอาริโซน่า, เนวาด้า และแคลิฟอเนีย อยู่หลายสิบโพรงจริงๆ
ซึ่งในจำนวนโพรงเหล่านี้ ก็เคยถูกค้นพบโดยบังเอิญโดยชาวโลกบนพื้นผิวโลกเมื่ออดีตที่ผ่านมา
หลายๆโพรงอยู่บริเวณใต้แกรนแคนยอน (Grand Canyon), Flagstaff, แอเรีย 51 (Area 51),
และเดดวัลเล่ย์ในแคลิฟอร์เนีย (Death Valley in California)
ชนเผ่าพื้นเมืองที่ว่านั้น ก็ได้แก่ ชนเผ่าโฮบิ (Hopi), นาวาโจ (Navajo), และฮาวาซูไป (Havasupai)
พวกเขายังคงเก็บรักษาตำนานและแน่นอนรวมถึงความรู้ที่ได้จากผู้คนที่อยู่ในถ้ำใต้ดินเหล่านี้เอาไว้อยู่ตราบกระทั่งทุกวันนี้
มาถึงตรงนี้คุณควรจะรู้ไว้ว่า ภายในสิ่งที่เรียกว่า “โลกชั้นใน” (Inner Earth) เหล่านี้
เพราะความที่อยู่ภายใต้พื้นผิวโลก ซึ่งมีความดัน และแรงโน้มถ่วงจากสนามแม่เหล็กสูงกว่าบนพื้นผิวโลก
จึงทำให้มันมีแม่แบบของเวกเตอร์ (vector template) ที่พิเศษและเฉพาะเจาะจง
ที่จะทำให้เกิดสิ่งที่พวกคุณเรียกว่า “มิติคู่ขนาน” (parallel dimensions) ได้มากกว่า
และชัดเจนมากกว่าบนพื้นผิวโลก
เพราะฉะนั้นแล้ว ในความเป็นจริงแล้ว มันจึงมีการซ้อนทับกันอยู่แบบมีศูนย์กลางเดียวกัน ของมิติต่างๆ
อยู่ภายในของดาวเคราะห์โลกอย่างมากมาย
และในความเป็นจริงแล้ว ปรากฏการณ์แบบนี้ มันก็เกิดขึ้นกับทุกแห่งทุกหนในจักรวาลที่พวกคุณรู้จักนั่นแหละ
รวมถึงบนพื้นผิวโลกด้วย แต่เพราะว่าสนามแม่เหล็กไฟฟ้าและความหนาแน่นของความดัน
ที่พวกเราได้สร้างให้ไว้กับดาวเคราะห์โลก ทำให้ปรากฏการณ์นี้มันเกิดขึ้นได้ชัดเจนน้อยกว่า
....................................................................................................................................................
ตอนที่ 3
พวกเราอยากจะบอกว่า ภายในลูกโลก โครงสร้างด้านพลังงานภายในชั้นแมนเทิล (mantles)
จะมีความสำคัญมากกว่าบนพื้นผิวโลก และมันก็ทำให้มีจำนวนมิติมากกว่าเกิดขึ้น
รวมถึงทำให้มีพลังงานชีวิตมากกว่า, มีพลังงานอีเทอเรี่ยม (etherium) เข้มข้นมากกว่าด้วย
ซึ่งถ้าจะเปรียบเทียบอย่างคร่าวๆให้พอเข้าใจแล้ว มันก็น่าจะเหมือนกับการรับคลื่นสัญญาณโทรทัศน์
ด้วยเสาอากาศ กับการรับคลื่นสัญญาณจากเคเบิล หรือ จากดาวเทียมนั่นเอง
บนพื้นผิวโลกจะเปรียบได้กับการรับคลื่นสัญญาณด้วยเสาอากาศธรรมดา ส่วนภายในลูกโลก
จะเปรียบเหมือนกับการรับคลื่นสัญญาณจากดาวเทียม เพราะฉะนั้น ภายในลูกโลก
จำนวนช่องสัญญาณก็จะมีมากกว่า และความคมชัดของสัญญาณก็ยิ่งมีมากกว่าด้วย
แต่ในกรณีของเรา พวกเรากำลังพูดถึงเรื่อง “มิติคู่ขนาน” อยู่แทนที่จะเป็นเรื่อง “ช่องสัญญาณโทรทัศน์” ก็เท่านั้นเอง
ด้วยเหตุนี้ มันจึงมีมิติต่างๆที่อยู่ขนานกัน และซ้อนทับกันอยู่จำนวนมากมาย ซึ่งมิติคู่ขนานเหล่านี้ จะอยู่แยกออกจากกัน
ทำให้มีรูปธรรมชีวิตที่อยู่ต่างมิติกัน อาศัยอยู่ในนั้นได้โดยไม่มีผลกระทบต่อกัน
มันก็เหมือนกับโทรทัศน์เพียงเครื่องเดียว แต่สามารถรับช่องสัญญาณได้หลายๆช่องนั่นแหละ
ดังนั้น ระนาบต่างๆของมิติคู่ขนานจึงสามารถอยู่ด้วยกันได้ ในโลกใบเดียวกัน
ในความเป็นจริงแล้ว มีรูปธรรมชีวิตจากนอกโลกเป็นจำนวนมาก ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ภายในโลกใบนี้
และที่พวกเขาก็สามารถอาศัยอยู่ในลูกโลกได้ ก็เพราะอาศัยโครงสร้างของความถี่ที่ขนานกันดังกล่าวไปแล้วนั่นเอง
ซึ่งอาจจะเรียกมันว่า “โฮโลแกรมมิก” (Hologramic) ก็ได้ ทีนี้คุณเข้าใจหรือยัง ?
ดังนั้น มันจึงมีรูปธรรมชีวิตมากมายที่อาศัยอยู่ในใจกลางของดาวเคราะห์โลกในนี้
ซึ่งหลายๆเผ่าพันธุ์ ก็ได้มาอยู่ที่นี่นานกว่ามนุษย์โลกเสียอีก และหลายๆเผ่าพันธุ์ก็คิดว่าพวกเขาเป็นผู้ครองโลกนี้อยู่
เหมือนอย่างที่พวกคุณเองคิดว่า เผ่าพันธุ์ของตัวเองกำลังครองโลกนี้อยู่อย่างนั้นเลยแหละ
และในความเป็นจริงแล้ว เผ่าพันธุ์ที่มีความคล้ายคลึงกับมนุษย์โลกมากที่สุดก็คือ ชนเผ่าของอาณาจักรเลมูเรียโบราณ
....................................................................................................................................................
ตอนที่ 4
คำถาม: รูปธรรมชีวิตเหล่านั้นพวกเขาอาศัยอยู่ที่ไหน และพวกเขาชอบอะไรครับ?
Metatron: ความจริงแล้ว รูปธรรมชีวิตชาวเลมูเรีย พวกเขามีวิวัฒนาการทางด้านจิตวิญญาณ
ก้าวไกลไปมากกว่าพวกคุณในขณะนี้มากมายนัก ก็อย่างที่เรากล่าวไปแล้วว่า ร่างกายของพวกเขา
มีความหนาแน่นน้อยกว่าพวกคุณ แต่ก็ยังเป็นกายเนื้ออยู่เหมือนกับพวกคุณนี่แหละ
ผิวหนังของพวกเขาได้เปลี่ยนไปเป็นสีเขียว หรือบางคนก็เป็นสีเขียวแกมน้ำเงิน เพราะว่าน้ำที่พวกเขาใช้ดื่ม
อุดมไปด้วยแร่ธาตุมากกว่าของพวกคุณ และมีความเข้มข้นของสารประกอบออกไซด์ของทองแดง
และของโลหะอื่นๆมากกว่าด้วย
รูปธรรมชีวิตเหล่านี้พวกเขาดำรงชีวิตอยู่อย่างสงบสุข, ไม่มีศาสนาอื่นใดนอกจากความรักจากแหล่งกำเนิด
(Love of Source) และพวกเขามีความเข้าใจเกี่ยวกับสิ่งที่เรียกว่า “ความสงบเงียบอันยิ่งใหญ่”(great tranquility)
พวกเขาค่อนข้างที่จะตระหนักรู้ถึงความมีตัวตนอยู่ของพวกคุณ
แต่พวกเขาไม่อยากที่จะมาสุงสิงด้วย
คุณอาจจะถามว่า ทำไมหละ?
ก็เพราะว่ามันมีหลายสาเหตุ ซึ่งสาเหตุหลักก็คือ
พวกเขารู้ว่าธรรมชาติของพวกคุณ คือชอบความรุนแรง
และรู้ว่าพวกคุณขี้กลัว และด้อยพัฒนาด้านจิตสำนึกมวลรวม
พวกเขารู้ว่าร่างกายของพวกคุณเต็มไปด้วยโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งโรคภัยบางชนิดอาจจะติดต่อไปถึงพวกเขาได้
และก็ พวกเขาจะทนต่อแสงอาทิตย์ของพวกคุณไม่ค่อยได้
พูดอย่างนี้ดีกว่าว่า พวกเขาได้วิวัฒน์ไปในทิศทางที่พิเศษเฉพาะของตนเอง
และตอนนี้พวกเขาก็ใกล้จะบรรลุจุดหมายปลายทางระดับนั้นแล้ว
ร่างกายของพวกเขาถูกหล่อเลี้ยงด้วยพลังแม่เหล็กคริสตัลชนิดหนึ่ง (Crystalline magnetic force)
ซึ่งมาจากแหล่งกำเนิดแสงสว่างที่อยู่ใจกลางโลกของคุณ ด้วยความสามารถทางจิตที่มากมายของพวกเขา
ทำให้พวกเขาสามารถควบคุมสนามพลังเหล่านั้น และสามารถปรับพวกมันให้เข้ากับร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาได้
แม้ว่าพวกเขาจะยังมีกายเนื้ออยู่ แต่มันก็เป็นกายเนื้อในมิติที่ 4 ซึ่งมีความหนาแน่นน้อยกว่า
กายเนื้อของพวกคุณเป็นอย่างมาก
พวกเขาหลายคนค่อนข้างจะมีความชำนาญในด้านการหายตัวไปปรากฏอยู่ในอีกที่หนึ่งมาก (Teleportation)
อันที่จริงแล้ว มันก็มีการติดต่อกันอยู่เรื่อยๆ
ระหว่างผู้ที่อาศัยอยู่ในใจกลางโลก กับรัฐบาลของพวกคุณนั่นแหละ
แต่ไม่ใช่การรวมเข้าด้วยกัน
พวกเขาได้ส่งข้อความสื่อสารทางโทรจิตมาถึงชาวโลกบนพื้นพิภพบางคน
ให้รู้ว่ากำลังจะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่เกิดขึ้น
เหมือนอย่างที่พวกเราที่ได้พร่ำบอกกับพวกคุณมาโดยตลอด
ที่พวกเขารู้เรื่องนี้ก็เพราะว่าพวกเขาอยู่ในช่วงเวลาที่แตกต่างจากพวกคุณ,
พวกเขาอยู่ในวัฏจักรของเวลาคนละรอบกับพวกคุณ
และพวกเขาก็ใกล้จะไปถึงจุดหมายปลายทางของพวกเขาแล้ว
คุณถามว่าโพรงของพวกเขาอยู่ที่ไหนบ้างใช่ไหม๊ อย่าลืมเรื่องมิติคู่ขนานไปเสียหละ
พวกเราจะตอบคำถามของคุณในแบบที่พวกคุณจะเข้าใจ ว่าส่วนใหญ่แล้ว โพรงเหล่านี้จะอยู่ใต้ดินของส่วนที่เป็นทะเล
แต่ใต้พื้นดินของทุกๆทวีปก็มีโพรงต่างๆเหล่านี้อยู่ด้วย เช่น พื้นที่บริเวณด้านตะวันตกเฉียงเหนือของสหรัฐอเมริกา
ใต้ภูเขาแห่งรัฐอาแคนซอ (Arkansas) ในมลรัฐนิวเม็กซิโก, อาริโซน่า, ประเทศเม็กซิโก, ประเทศในแถบอเมริกากลาง,
ประเทศเปรู, เกาะอังกฤษ, ทวีปยุโรป, ใต้ภูเขาหิมาลัย, ประเทศชิลี, อาเจนติน่า, โบลิเวีย, บราซิล, ประเทศจีน,
ไซบีเรีย, เกาะกรีนแลนด์, ไอซ์แลนด์, ศรีลังกา,
ใต้พื้นที่ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ มีเผ่าพันธุ์บางเผ่าพันธุ์อาศัยอยู่ในโพรงใต้ดินของพวกเขา
....................................................................................................................................................
ตอนที่ 5
คำถาม: พวกเขาอาศัยอยู่ใต้ดินลึกซักแค่ไหนครับ และบนดาวเคราะห์โลก มันมีทางเข้าไปสู่โพรงเหล่านี้บ้างหรือเปล่าครับ?
Metatron: เราได้บอกไปแล้วว่า ทางเข้าไปสู่โพรงเหล่านี้ อยู่ตรงขั้วโลกทั้งสอง และตามช่องต่างๆที่อยู่บนพื้นผิวโลก
มันเป็นไปไม่ได้ที่จะบอกว่าพวกเขาอยู่ลึกแค่ไหน เพราะว่าความจริงแล้วพวกเขาอยู่ในมิติคู่ขนาน
ซึ่งมาตรฐานการวัดของพวกคุณมิอาจนำมาใช้ได้ บางชุมชนก็อยู่ใกล้กับพื้นผิวโลกมาก แต่โพรงหลักๆส่วนใหญ่
ถ้าจะพยายามพูดภาษาของพวกคุณหละก็ ก็อาจจะบอกว่าอยู่ลึกลงไปใต้พื้นผิวของชั้นแมนเทิลประมาณ 20 ไมล์
และบางโพรงก็อยู่ลึกลงไปหลายร้อยไมล์เลยทีเดียว (นักธรณีวิทยาของพวกคุณ อาจจะจินตนาการไม่ออก
เพราะว่าการตีความด้านความดัน และความร้อนของพวกเขา แต่เราขอบอกคุณว่าดินแดนเหล่านี้มีอยู่จริง
และก็มีรูปธรรมชีวิตอาศัยอยู่ในนั้น ในสนามพลังงานเหล่านั้น จำนวนมากมายจริงๆ)
แต่ระยะทางที่กล่าวไปแล้วนั้น เป็นเพียงระยะทางสัมพัทธ์เมื่อเทียบกับมิติคู่ขนานหลากมิติเท่านั้น
ตัวอย่างเช่น ถ้าคุณเข้าไปในดินแดนต่างมิติเหล่านี้ ผ่านทางขั้วโลกของพวกคุณ
หรือผ่านทางทางเข้าใดๆที่อยู่บนพื้นผิวโลกในมิติที่ 3 ของพวกคุณ เพราะว่าดินแดนเหล่านี้
อยู่ในมิติคู่ขนานและอยู่ในกาลเวลา-อวกาศที่แตกต่างจากของพวกคุณ เพราะฉะนั้น ระยะทางจริงจากจุดที่คุณเริ่มเข้าไป
ที่คุณจะวัดได้ ก็อาจจะเป็นเพียงไม่กี่นิ้ว หรืออาจจะเป็นชั่วกาลนานก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่า คุณกำลังมองมาจากตรงไหน
ศาสตร์ที่สามารถใช้อธิบายแทนถ้อยคำจำนวนนับไม่ถ้วนได้ใกล้เคียงที่สุด ก็คือควอนตัมฟิสิกส์ (Quantum physics)
แม้ว่าศาสตร์แขนงนี้ เพิ่งจะเป็นที่เข้าใจกันในแวดวงวิทยาศาสตร์ของพวกคุณก็ตาม
แต่ว่าถ้าจะให้ศาสตร์นี้สามารถถูกแปลความหมายได้อย่างถูกต้องมากกว่านี้ บนระนาบของพวกคุณหละก็
จะต้องเปลี่ยนแบบจำลองนั้นซะใหม่ รวมถึงแบบจำลองด้านเรขาคณิต และด้านคณิตศาสตร์ด้วย
ทางเข้าไปสู่โพรงใต้พื้นโลกเบื้องต้น ก็คือผ่านทางขั้วโลกทั้งสอง เพราะว่าตรงบริเวณดังกล่าวนี้
เป็นจุดเชื่อมต่อด้านควอนตัมระหว่างโลกท