สรุปจากรายการ คิดเล่นเห็นต่างกับคำผกา ประจำวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556
มีผู้ชายจำนวน 97,000 คน ในสหรัฐอเมริกาถูกข่มขืน ผู้ชายเหล่านี้จะถูกข่มขืนจากคนแปลกหน้า ซึ่งสวนทางกับผู้หญิง ซึ่งทางกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ข้อมูลว่า ผู้หญิง 1 ใน 3 คน มี ประสบการณ์ถูกทำร้ายร่างกาย ทุบตี ทำร้ายจิตใจ หรือ บังคับให้มีเพศสัมพันธ์ โดยสมาชิกในครอบครัว หรือ ผู้ที่คุ้นเคย
และอาจรวมไปถึงการถูกล่วงเกินทางเพศโดยสายตา การกระทำ หรือคำพูด จากผู้บังคับบัญชา หรือผู้ร่วมงาน ซึ่งผู้หญิงที่ถูกกระทำรุนแรงทางเพศมีความเสี่ยงสูง ที่จะตั้งครรภ์ นำไปสู่การทำแท้ง ติดเชื้อ
จากข้อมูลของสำนักระบาดวิทยา พบว่า ผู้หญิงที่ถูกทำร้ายร่างกาย ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลเฉลี่ย วันละ 1 คนต่อหนึ่งโรงพยาบาล และในจำนวนนั้นมีผู้เสียชีวิตปีละ 3 คน และยังพบว่าผู้หญิงถูกข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศเฉลี่ยวันละ 12 คน โดยมีเด็กอายุต่ำกว่า 15 ปี ถูกข่มขืนและล่วงละเมิดทางเพศเฉลี่ยวันละ 2 คน และมีผู้หญิงตั้งครรภ์ ร้อยละ 12 ถูกกระทำรุนแรงทางร่างกายและร้อยละ 23 ถูกกระทำรุนแรงทางจิตใจจากคู่ชีวิต
Richard Graham นักกฎหมายของอังกฤษ ได้ระบุว่า ผู้หญิงนุ่งกระโปรงสั้น ใส่ส้นสูงเสี่ยงต่อการถูกข่มขืน ซึ่งคำพูดดังกล่าวมีคนไม่เห็นด้วยเช่นกัน
นางสาวอลิสา แสงขำ นักศึกษาปริญญาโทคณะนิติศาสตร์ ทางอาชญวิทยา เผยงานวิจัย "ปัจจัยแรกหรือมูลเหตุจูงใจให้ตัดสินใจลงมือข่มขืน" โดยเก็บข้อมูลจากนักโทษข้อหาข่มขืนจากคุกบางขวางและลาดยาว จำนวน 100 คน พบว่า...
นักโทษร้อยละ 90 จะเลือกผู้หญิงผมยาว คือหางเปีย หางม้า ปล่อยตามธรรมชาติ เพราะกระชากจากข้างหลังได้ง่าย , ร้อยละ 87.5 เลือกผู้หญิงที่สวมเสื้อผ้าถอดง่าย
ร้อยละ 84 เลือกผู้หญิงที่เดินไปด้วยคุยโทรศัพท์ไปด้วย
ร้อยละ 80 สามารถข่มขืนได้ในการกระทำครั้งแรก
ร้อยละ 70 เลิกล้มความตั้งใจ หากผู้หญิงคนนั้นจ้องหน้าเขาแล้วเริ่มต้นบทสนทนาสั้นๆ เช่น โทษค่ะ กี่โมงแล้ว
จากข้อมูลของวิกิพีเดียของญี่ปุ่น พบว่า มีผู้หญิงลงแขกข่มขืนผู้ชายคนเดียวก็มี โดยการผสมยาไวอาก้าในน้ำดื่ม จากนั้นได้รุมข่มขืนจนอวัยวะเพศชายฉีกขาด
16 กุมภาพันธ์ 2556 เวลา 15:59 น.