วันที่ 16 ก.พ. เดลี่เมล์ตีแผ่ชีวิตสุดสลดของน.ส.แมนดี้ เซลลาส์ วัย 38 ปี ชาวเมืองฮันโคต เขตแลงคาเชอร์ของอังกฤษ ซึ่งป่วยเป็นโรคพิสดารขาโตไม่หยุด มีน้ำหนักรวมกัน 2 ข้างมากถึง 95 ก.ก. ทั้งยังโชคร้ายขาซ้ายติดเชื้อจนต้องตัดทิ้ง และจากที่คิดว่าจะได้ใส่ขาเทียม สาวอังกฤษผู้อาภัพกลับต้องอึ้งอีกรอบเมื่อรู้ว่าขาที่ถูกตัดแล้ว ส่วนที่เหลือยังขยายขนาดอย่างต่อเนื่อง
ดร.โรเบิร์ต แซมเพิล นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ นำดีเอ็นเอ และเนื้อเยื่อของน.ส. เซลลาส์ไปตรวจวิเคราะห์ จนพบว่าไม่ได้ป่วยเป็นโรคเท้าช้างอย่างที่วินิจฉัยเบื้องต้น เพราะโรคเท้าช้างมักเกิดในประเทศเขตร้อน โดยเฉพาะแอฟริกา และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ซึ่งมียุงเป็นพาหะ แต่แพทย์ไม่พบเชื้อโรคเท้าช้างในดีเอ็นเอของน.ส.เซลลาส์ กรณีนี้จึงถือเป็นการค้นพบโรคสุดประหลาดครั้งแรกของโลก
น.ส.เซลลาส์ให้สัมภาษณ์รายการโทรทัศน์อังกฤษว่า ตนแนะนำให้ตั้งชื่อโรคนี้ว่า "เซลลาส์ ซินโดรม" และว่าดร.แซมเพิลคิดค้นยารักษาด้วยวิธีแทรกแซงการทำงานของยีนกลายพันธุ์ ซึ่งดูเหมือนจะได้ผล โดยหลังจากกินยามาร่วม 4 เดือน ท่อนขาข้างที่ถูกตัดมีขนาดลดลงเล็กน้อย แต่ตนทำใจได้แล้ว โดยพยายามมองโลกในแง่ดีเพื่อให้การรักษามีประสิทธิภาพมากขึ้น
น.ส.เซลลาส์ซึ่งเกิดและเติบโตมาเหมือนคนปกติ เริ่มเผชิญฝันร้ายช่วงวัยรุ่น เมื่อขาทั้งสองข้างค่อยๆ บวม และขยายขึ้นจนผิดรูป โดยขาซ้ายยาวกว่าขาขวาราว 3 นิ้ว แต่ยังคงเดินได้ และเรียนจนจบปริญญาตรีด้านจิตวิทยา แต่ไม่ได้ทำงานเพราะขาขยายใหญ่จนหนักถึง 95 ก.ก. ซึ่งส่งผลให้มีโรคแทรกซ้อน ทั้งข้อเสื่อม เส้นเลือดอุดตัน เลือดเป็นพิษ ไตวาย และอัมพาตชั่วคราว
น.ส.เซลลาส์กล่าวว่าคิดถึงการท่องเที่ยว และการเดิน ตนเป็นคนดื้อและจะทำสิ่งที่หวังให้เป็นจริงจนได้