เมื่อ 16 ก.พ. บีบีซีรายงานความคืบหน้าสถานการณ์ชิ้นส่วนอุกกาบาตตกใส่ 6 เมืองของรัสเซียในบริเวณเทือกเขาอูราล ตอนกลางของประเทศ ห่างจากกรุงมอสโกไปทางตะวันออก 1,500 กิโลเมตรว่า ยอดผู้บาดเจ็บแตะ 1,200 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็ก 200 คน ส่วนใหญ่มีบาดแผลจากเศษกระจกบาด แรงระเบิดทำให้เกิดคลื่นเสียงโซนิกกระแทกกระจกหน้าต่างอาคารบ้านเรือนพังเสียหายราว 3,000 แห่ง
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียสั่งทีมกู้ภัย 20,000 นาย เข้าเก็บกวาดซากความเสียหาย พร้อมกล่าวว่าขอบคุณพระเจ้าที่ชิ้นส่วนใหญ่ๆ จากอุกกาบาตขนาด 10 ตัน ไม่หล่นใส่พื้นที่ชุมชน
กระทรวงสถานการณ์ฉุกเฉินแห่งชาติรัสเซียแถลงว่า อุกกาบาตพุ่งเข้าสู่ชั้นบรรยากาศและแตกออกเป็นเสี่ยงๆ ที่ระยะ 30-50 กิโลเมตรเหนือพื้นดิน ปลดปล่อยพลังงานมหาศาลหลายกิโลตันเทียบเท่าอาวุธนิวเคลียร์ ส่งชิ้นส่วนอุกกาบาตกระจายตัวในลักษณะฝนดาวตก
โดยพบชิ้นส่วนขนาดใหญ่แล้ว 3 ชิ้น ชิ้นหนึ่งทำให้เกิดหลุมใหญ่ที่ทะเลสาปเชบาร์คูล พร้อมทั้งปฏิเสธข่าวที่ว่ากองทัพอากาศรัสเซียยิงจรวดขึ้นไปทำลายอุกกาบาต พื้นที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือเมืองเชลยาบินสก์ ซึ่งเป็นเมืองอุตสาหกรรม และมีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อยู่ด้วยแต่ไม่ได้รับอันตรายใดๆ โรงงานที่เสียหายหนักที่สุดคือโรงงานสังกะสี ที่หลังคาพังถล่มเป็นแถบกว้าง
ด้านองค์การบริหารการบินและอวกาศแห่งชาติสหรัฐหรือนาซ่าถ่ายทอดสดนาทีอุกกาบาต2012 DA14 ที่โคจรเฉียดโลก ทางhttp://www.ustream.tv/nasajpl2 สดจากหอสังเกตุการณ์ ประเทศออสเตรเลีย ในภาพมองเห็นอุกกาบาตโคจรผ่านเข้ามาภายในเส้นทางวงโคจรของดาวเทียม
นักดาราศาสตร์พบว่ามีอุกกาบาตขนาดเท่า2012DA14ที่โคจรใกล้โลกแบบนี้กว่า 500,000 ดวง ซึ่งคิดเป็น 1% ของอุกกาบาตที่จะโคจรมาใกล้โลกทั้งหมด หากอุกกาบาตขนาดเท่า 2012 DA14 ชนโลก จะคล้ายกับการเกิดระเบิดที่ทุงกัสก้า ไซบีเรีย เมื่อปี 2451 ซึ่งทำให้เกิดทุ่งราบกว้างกว่า 2,200 ตารางกิโลเมตร (กรุงเทพฯ มีพื้นที่ 1,568 ตารางกิโลเมตร) โดยขนาดของอุกกาบาตที่ทำลายทุงกัสกามีขนาดเล็กกว่า 2012 DA14 เพียงเล็กน้อย