เมื่อวันที่ 14 ก.พ. ผู้สื่อข่าวรายงานความคืบหน้าเหตุการณ์ทหารนาวิกโยธิน ฐานกองร้อยปืนเล็กที่ 2 ฉก.นราธิวาส 32 ต.บาเระเหนือ อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส ปะทะกองกำลังติดอาวุธที่บุกโจมตีฐาน เมื่อกลางดึกคืนวันที่ 13 ก.พ.ที่ผ่านมา ผลการปะทะฝ่ายคนร้ายเสียชีวิตรวม 17 ศพ ขณะที่ฝ่ายเจ้าหน้าที่ปลอดภัย ว่า หลังเกิดเหตุ น.อ.สมเกียรติ ผลประยูร ผบ.ฉก.หน่วยนาวิกโยธิน สั่งการสนธิกำลังเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครอง กว่า 500 นาย และสุนัขดมกลิ่นกระจายกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมายใน อ.บาเจาะ จ.นราธิวาส อ.สายบุรี อ.ไม้แก่น จ.ปัตตานี ซึ่งเป็นพื้นที่รอยต่อ เพื่อติดตามไล่ล่าและแกะรอยกลุ่มคนร้ายที่ยังหลบหนี นอกจากนี้ยังตั้งจุดตรวจสกัดการหลบหนีของกลุ่มคนร้าย ทั้งถนนสายหลักและสายรองอีกหลายจุด
ต่อมาขณะเจ้าหน้าที่ทหาร ฉก.นราธิวาส 30 ตั้งจุดตรวจบริเวณถนนรือเสาะ หน้าธนาคารกสิกรไทย สาขารือเสาะ เขตเทศบาลตำบลรือเสาะ ตรวจพบรถกระบะโตโยต้า ไทเกอร์ แค็บ สีน้ำตาล ทะเบียน บฉ-5999 ปัตตานี จึงส่งสัญญาณให้จอดเพื่อตรวจสอบ พบคราบเลือดติดเกรอะกรังบริเวณกระจกมองข้างด้านซ้าย และประตูด้านซ้าย สอบถามชาย 3 คนที่นั่งมาในรถคันดังกล่าว พูดวกไปวกมา และส่อพิรุธ เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวนำมาสอบสวนเบื้องต้นที่ฉก.นราธิวาส 30 อ.รือเสาะ
ผู้ต้องสงสัยทั้ง 3 คน ประกอบด้วย นายมูฮัมหมัดกาดาฟี เจ๊ะนะ อายุ 34 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1 บ้านดาฮง ม.4 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส นายอาลีย๊ะ ลาเตะ อายุ 30 ปี อยู่บ้านเลขที่ 116 บ้านดาฮง ม.4 ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และนายฟาเด เจ๊ะมะ อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 25/1 บ้านปิเหล็ง ม.7 ต.สุไหงปาดี อ.สุไหงปาดี จ.นราธิวาส
จากการสอบปากคำพบว่า นายมูฮัมหมัดกาดาฟี เป็นพี่ชายนายบรูฮัน เจ๊ะนะ อายุ 28 ปี สมาชิกกลุ่มอาร์เคเค ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร ซึ่งถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรมเสียชีวิตเมื่อวันที่ 23 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่บ้านตามุง ต.เชิงคีรี อ.ศรีสาคร พร้อมยึดอาวุธปืนสั้น 1 กระบอก แต่ทั้ง 3 ยังให้การปฏิเสธ และไม่ยอมให้การกับเจ้าหน้าที่ จึงประสานเจ้าหน้าที่นิติวิทยาศาสตร เก็บหลักฐานและนำคราบเลือดไปตรวจพิสูจน์ จากนั้นส่งตัวทั้ง 3 คน ไปยังบก.ฉก.ทหารพรานที่ 41 อ.รามัน จ.ยะลา เพื่อเข้าสู่กระบวนการขยายผลต่อไป
พ.ต.อ.จันที แจ่มจันทร์ นักวิทยาศาสตร์ สบ.4 กลุ่มงานตรวจสอบสถานที่เกิดเหตุ ศูนย์พิสูจน์หลักฐาน 10 นำเจ้าหน้าที่ตรวจสอบรถกระบะโตโยต้าของกลุ่มผู้ต้องสงสัย โดยเก็บลายนิ้วมือแฝง ดีเอ็นเอและคราบเลือดที่ติดอยู่ไปตรวจสอบตามหลักวิทยาศาสตร์
ขณะเดียวกันหลังเกิดเหตุทหารนาวิกโยธินปะทะกับกองกำลังติดอาวุธไม่นาน มีกลุ่มชายฉกรรจ์โปรยใบปลิวเขียนข้อความภาษาไทยในกระดาษขนาด เอ 4 ตระเวนโปรยในพื้นที่ อ.บาเจาะ ข้อความโจมตีเจ้าหน้าที่กระทำการข่มขู่ ทารุณ เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ และประกาศจะตอบโต้ทุกรูปแบบเพื่อแก้แค้น