"คืนนี้ใครอยากได้ผัวเพื่อนกลับบ้าน ยกมือขึ้น"
ถ้าไม่ใช่ "นักเที่ยว" ฟังคำถามแล้วคงอึ้ง
แต่สำหรับขาประจำตามผับ ต้องมียกมือกันมั่ง-ตามความเคยชิน
"ขำๆ น่ะ" สาวสวยคนหนึ่งบอก หลังชูทั้ง 2 มือสุดแขน
ก่อนย้ำอีกครั้ง "ไม่เอาจริง"
ขณะที่บางคนก็สารภาพว่า "เคยได้"กลับไปเหมือนกัน
คำถามที่มาในมุข "ใครเล็งโต๊ะข้างๆ อยู่มั่ง","เอา,คืนนี้ใครโสด","ใครมาคนเดียว","ใครอยากได้แฟนเพื่อน" รวมไปจนถึง"คืนนี้ใครอยากได้ผัวเพื่อนกลับบ้าน ยกมือขึ้น" มีให้ฟังทุกวันตามสถานบันเทิงส่วนใหญ่ และแทบทุกครั้งที่นักร้องถาม ก็จะได้เสียงกรี๊ดและหัวเราะชอบใจจากบรรดาผู้หญิงซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายของคำถามนั้น
ส่วนว่าที่ถามๆ ไป อยากให้เกิดขึ้นจริงหรือเปล่า?
นักร้องที่เป็นคนถาม ซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ ตอบสั้นๆ เพียงว่า "ไม่หรอกครับ แค่บิวท์ให้สนุกๆ เท่านั้นแหละ" เขาตอบพลางยิ้ม
ขณะชายหนุ่มอีกคนที่เป็นหุ้นส่วนผับอยู่หลายแห่งบอกว่า ร้านเขาเองก็มีการเล่นมุขแบบนี้
มีเหมือนร้านอื่นๆ ทั่วไทย
แถมเล่นกันมาได้นานพอสมควรแล้วด้วย
"เอาตรงๆ เลยนะ เรากะเล่นเเบบขำๆ เฮฮาๆ ไม่ได้มองไปไกล"
ไม่ได้มองถึงขั้นที่ว่า เล่นไปแล้วจะส่งผลอะไร สร้างการรับรู้หรือความเคยชินแบบไหน
เป็นการทำให้เรื่องซึ่งไม่เหมาะสม กลายเป็นเรื่องธรรมดาเกินไปหรือเปล่า?
"ที่ผ่านมาก็ยังไม่เคยมีใครเดินเข้ามาบอก หรือว่าตรงๆ เลยนะ" เขาว่างั้น
"ส่วนใหญ่ถ้าจะเล่นมุขพวกนี้ ต้องรอให้ดึกๆ เลยเที่ยงคืนไปแล้ว"
เพราะตอนนั้นคนจะเริ่มกรึ่ม หรือไม่ก็กำลังเมาได้ที่ เลยต้องมีการสร้างบรรยากาศให้ครึกครื้น
อย่างไรก็ดี พอถูกสะกิดอย่างนี้ ก็คงต้องกลับไปคิดใหม่
"คงต้องเข้าไปดู หรือกวดขันมุขพวกนี้ให้มากขึ้น เพราะปกติเป็นหน้าที่ของนักร้องเลยว่าจะเล่นอะไร"
"แต่ถ้าเรื่องนี้เป็นประเด็น ที่หลายคนเห็นว่าไม่สมควรทั้งผมเองและสถานบันเทิงอื่นๆ ก็ต้องให้ความร่วมมือกวดขัน ยกเลิกการเชื้อชวนหรืออะไรที่จะก่อให้เกิดการมีเพศสัมพันธ์ หรือเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น"
เพราะจุดประสงค์ของการทำสถานบันเทิง ก็เพื่อให้ความบันเทิง ไม่ได้ต้องการให้เกิดเรื่องไม่เหมาะสม
"เรื่องนี้ต้องเป็นดุลพินิจการรับสารแต่ละคน การเที่ยวผับก็เหมือนการดูละคร ทุกอย่างที่เกิดขึ้นเป็นฟีลลิ่ง ณ ตอนนั้น เหมือนละครบอกคนดูต้อง 18 อัพ ซึ่งมันต้องเป็นคนที่เข้าไปอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นจริงๆ ที่จะบอก หรือรับรู้อารมณ์ร่วมไปพร้อมกัน ว่าบางทีมันไม่มีอะไรเลย แค่ความสนุกเท่านั้น"
แต่"ธนวดี ท่าจีน" ผู้อำนวยการมูลนิธิเพื่อนหญิง ไม่เห็นด้วย
เพราะจากประสบการณ์ที่รับรู้อยู่ทุกวัน คือมีผู้หญิงจำนวนมากที่ทนทุกข์กับการที่สามีมีสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น และหลายต่อหลายครั้งสัมพันธ์ที่ว่าก็มาจากการเที่ยวหรือสบตาในสถานบันเทิง
ความสัมพันธ์อันไม่เหมาะสมจึงไม่ควรถูกนำมากระตุ้น
เพราะใครจะรู้ว่าเมื่อได้ยินได้ฟังเรื่องเล่นๆ บ่อยๆ สักวันก็อาจกระทำโดยไม่มีความรู้สึกผิด-เพราะชินเสียแล้วนี่
"เรื่องบางเรื่องบางทีมันมีความหมายเเอบเเฝง การออกแนวพูดเล่นนั้น บางครั้งอาจเป็นเพราะไม่กล้าพูดจริงๆ"
"แต่จะเล่นยังไงมันก็ไม่ควร เพราะจะไปสร้างเสริมทัศนคติที่ผิดศีลธรรม"
"การพูดเหมือนหมาหยอกไก่ พูดไปเรื่อยๆ จะทำให้เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องธรรมดาขึ้นมาในความรู้สึก"
ขณะที่"พันตำรวจโทแพทย์หญิง อัญชุลี ธีระวงศ์ไพศาล" จิตแพทย์ซึ่งควบตำแหน่งรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ บอกว่าถ้าพูดกันตามตรง เหตุผลที่สถานบันเทิงเลือกมุขเหล่านั้นมาใช้ คงเพราะเป็นมุขโดนใจ
ด้วยธรรมชาติของมนุษย์ ลึกๆ แล้วล้วนชอบความดิบ เถื่อน สะใจ เพราะสนุก และตรงดี
แต่ที่คนฟังต้องจำไว้ไม่ลืมคือ ต้องใช้วิจารณญาณควบคู่ ต้องรู้ว่าสิ่งที่ได้ยินน่ะแค่เรื่องพูดเล่น แต่ไม่ควรทำตาม
"ลึกๆ ทุกคนรู้ว่ามันสนุก เหมือนเป็นโจ๊ก หรือบางคนอาจไม่ได้รู้สึกสนุก แต่เพราะสภาพสังคมเขากรี๊ดกร๊าด เราก็กรี๊ดตาม"
"แต่อะไรก็ตามที่ฟังบ่อยๆ หรือคุ้นเคยมากๆ ก็เป็นไปได้ว่าจะทำให้เกิดความรู้สึกเคยชินกับมันไปโดยอัตโนมัติ แล้วถ้าเป็นอย่างนั้นก็จะเกิดการเรียนรู้ แล้วอาจจะเป็นพฤติกรรมเลียนแบบ"
ซึ่งน่ากังวล
"เพราะแต่ละคนมีเกราะป้องกันใจไม่เท่ากัน บางคนมีเยอะ เลยยับยั้งชั่งใจได้ แต่ถ้าเป็นพวกหัวอ่อน คล้อยตามง่าย ก็จะไม่มีความยับยั้ง และจะไขว้เขวได้ง่าย ซึ่งนำไปสู่การทำอะไรลงไปแบบไม่ได้ยั้งคิด"
"แบบที่เกินเลยกว่าการยกมือขึ้น"