ปีนี้สถานเอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำประเทศไทยจัด เทศกาลภาพยนตร์ฝรั่งเศส 2013 หรือ Clap! French Film Festival 2013 แยกออกจากเทศกาลวัฒนธรรมฝรั่งเศส-ไทย ลาแฟ็ต - La Fete
"เพื่อให้แฟนหนังแนวศิลปะเต็มอิ่มกับวิถีชีวิตและวัฒนธรรมฝรั่งเศสที่ถ่ายทอดผ่านแผ่นฟิล์มได้เต็มที่โดยหวังว่าเทศกาลนี้จะช่วยเพิ่มความหลากหลายให้กับอุตสาหกรรมหนังไทย ซึ่งผมมองว่ามีคุณภาพและแนวทางในการทำภาพยนตร์ได้อย่างยอดเยี่ยมไม่แพ้ฝรั่งเศส แม้เราจะแตกต่างด้วยภาษา วัฒนธรรม และสังคม แต่ทั้งคนไทยและฝรั่งเศสต่างก็หลงใหลในศิลปะของภาพยนตร์เหมือนกัน จุดนี้จึงเป็นที่มาของการประเดิมจัดเทศกาลภาพยนตร์ฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการ" เจเรมี โอปริเทสโก ที่ปรึกษาฝ่ายวัฒนธรรมและความร่วมมือ สถานทูตฝรั่งเศสในไทย กล่าว
งานครั้งนี้จับมือกับโรงภาพยนตร์เอสเอฟเอ็กซ์ ซีเนม่า จัดฉายที่โรงเอสเอฟเอ็กซ์ เอ็มโพเรียม บัตรราคา 120 บาท ส่วนนักศึกษา 100 บาท โดยคัดสรรหนังใหม่ฟอร์มยักษ์คุณภาพเยี่ยม 8 เรื่อง 8 แนว ทั้งดราม่า โรแมนติก แอนิเมชั่น และคอมเมดี้ พร้อมบทบรรยายภาษาอังกฤษและไทยทุกเรื่องทุกรอบ
เริ่มจาก 13 ก.พ. กับเรื่อง "สุดที่รัก" (The Beloved/ Les Bien Aimes) สองแม่ลูกยังคงใช้ชีวิตวนเวียนอยู่กับรักที่ผ่านเข้ามาและจากไป ต่อด้วยหนังรับวาเลนไทน์ 14 ก.พ. กับหนังดังที่ถูกใจหลายๆ คน ทั้ง The Artist และ Intouchables จัดฉายพิเศษแบบปิกนิกกลางแจ้งที่มิวเซียมสยาม
15 ก.พ. ลุ้นไปกับ "สู้เพื่อหัวใจอันยิ่งใหญ่" (Poliss/ Polosse) หนังดราม่ารางวัลจูรีพรซ์ จากเทศกาลหนังเมืองคานส์ เล่าชีวิตของตำรวจกองพิทักษ์เด็กและเยาวชน
วันที่ 16 ก.พ. มีให้เลือก 2 แนว ผจญภัยไปกับ "แมวแสนรู้" (Le Chat du Rabbin/ The Rabbi"s Cat) แอนิเมชั่นครบรสทั้งสนุกและแฝงไปด้วยปรัชญา พิชิตรางวัลซีซาร์ อวอร์ดส์ อีกเรื่อง "คั้นรักเสน่ห์เหลือล้น" (Happiness Never Comes Alone/ Un Bonheur N"Arrive Jamais Seul) ความสัมพันธ์ของหนุ่มสาวที่ไม่น่าจะโคจรมาเจอกันได้แต่ทั้งคู่กลับเติมเต็มให้กันได้อย่างไม่น่าเชื่อ
17 ก.พ. ฮากับ "คู่หูกระทะเหล็ก" (The Chef/Comme un Chef) จากนั้น 18 ก.พ. เอาใจบรรดาสาวอวบ "ถ้ารัก...จะอ้วนเอาเท่าไหร่" (Big is Beautiful/ Mince Alors) ร่วมลุ้นว่านีน่าและเพื่อนจะลดน้ำหนัก และแก้ปัญหาที่ต่างเผชิญหน้าได้หรือไม่
19 ก.พ. แอ๊กชั่นดราม่าไปกับ "อำมหิตคว่ำอิทธิพล" (A Gang Story/ Les Lyonnais) ชีวิตของหัวหน้าแก๊งอาชญากรรมจี้ปล้นในยุค 70 ที่ถูกจับ และค้นพบความสงบหลังวางมือจากวงการ
ส่งท้ายในวันที่ 20 ก.พ. ด้วย "อะมอร์" (Love/ Amour) หนังรักดราม่า เรื่องราวของจอร์จ และอานน์ คู่สามีภรรยาในวัย 80 กับบทพิสูจน์ความรักเมื่ออานน์กลายเป็นอัมพาต หนังพิชิตปาล์มทองคำในเทศกาลเมืองคานส์ ปีก่อน และภาพยนตร์ต่างประเทศยอดเยี่ยมจากเวทีลูกโลกทองคำล่าสุด ทั้งยังได้รับชื่อเข้าชิงออสการ์ปีนี้ด้วย
ด้าน ปรัชญา ปิ่นแก้ว ผู้กำกับหนังแอ๊กชั่นชื่อดัง ซึ่งร่วมเปิดเทศกาลภาพยนตร์ฝรั่งเศสในครั้งนี้ กล่าวว่า ฝรั่งเศสทำภาพยนตร์ออกมาได้น่าค้นหา บางครั้งดูจนจบก็ยังไม่เข้าใจ แต่กลับมีเสน่ห์ทำให้เราเปิดดูซ้ำแล้วซ้ำอีก
"ผมดูหนังฝรั่งเศสมาตั้งแต่เด็ก แม้จะฟังไม่รู้เรื่อง แต่สัมผัสได้ถึงรสนิยม และการนำเสนอที่น่าสนใจ ก็อยากให้ทุกคนลองมาดูภาพยนตร์ฝรั่งเศสในเทศกาลครั้งนี้ แล้วจะรู้ว่ามันมีเอกลักษณ์อะไรที่ทำให้คอหนังอาร์ตติดอกติดใจ"
ส่วน เป็นเอก รัตนเรือง ผู้กำกับฯ ระดับแนวหน้าของไทย กล่าวเสริมว่า ถ้าจะพูดถึงฝรั่งเศสแล้วล่ะก็ สิ่งที่ทำให้นึกถึงมีอยู่ 3 อย่าง คือ กาแฟอร่อย ผู้หญิงมีเสน่ห์ และภาพยนตร์ ซึ่งเขาทำออกมาได้ลุ่มลึกและมีเสน่ห์
"อย่างที่พี่ปรัชพูดว่าดูมา 3 วันแล้วยังไม่รู้เรื่อง ผมดูเหมือนกันเรื่องนี้ซึ่งผ่านไป 3 เดือนก็ยังงงอยู่ ผมว่ามันน่าสนใจก็ตรงนี้ ภาพยนตร์ดีๆ สักเรื่องไม่จำเป็นต้องบอกทุกอย่างกับคนดู ต่างจากหนังฮอลลีวู้ดที่มันล้างสมองเรา ดูแล้วต้องรู้เรื่อง ต้องมีบทสรุป แต่ความสนุกของการดูหนังไม่ได้อยู่ที่ความเข้าใจ แต่เป็นอรรถรส การดำเนินเรื่อง และความรู้สึกที่ผู้กำกับฯสื่อออกมาให้เห็นต่างหากคือความบันเทิงที่แท้จริง สำหรับเทศกาลนี้ ก็อยากแนะนำเรื่อง Poliss ผมดูแล้วประทับใจมากๆ และอีกเรื่องที่พลาดไม่ได้ก็คือ Amour" เป็นเอกกล่าว