อาชญากรรม ข่าวสด
ขึ้นต้นด้วยความฮือฮาและน่าสนใจยิ่ง แต่จบลงแบบงงๆ และมีปริศนายิ่งกว่า กับเรื่องราวของนางเอกสาวชื่อดัง "แพนเค้ก"เขมนิจ จามิกรณ์ ที่เข้าแจ้งความว่าคนร้ายปีนเข้าบ้านขโมยทรัพย์สินมีค่าไปหลายรายการ
แต่ขณะที่ตำรวจสืบสวนจนใกล้เข้าถึงตัวผู้ต้องสงสัย นางเอกสาวและมารดาออกมาติดเบรกอ้างว่าเป็นความเข้าใจผิด!
อย่างไรก็ตามตอนแรกทำท่าว่าเรื่องจะไม่จบง่ายๆ เนื่อง จากเป็นคดีอาญา แต่แล้วไปๆ มาๆ ตำรวจก็ยอมให้ครอบครัวดาราสาวถอนแจ้งความ ยุติการสืบสวน
ปิดฉากคดีนี้ด้วยความงงงวยไปตามๆ กัน!
ย้อนรอยบุกบ้านดาราสาว
เช้าวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา ตำรวจและสื่อมวลชนจำนวนมากเดินทางไปยังบ้านเลขที่ 295/3 หมู่บ้านริมสวนรามอินทรา ถนนรามอินทรา แขวงและเขตมีนบุรี กทม. หลังเกิดเหตุตีนแมวย่องเข้าบ้านดังกล่าวขโมยทรัพย์สินไปหลายรายการ
หากเป็นที่อื่นคดีลักษณะนี้ถือเป็นการลักทรัพย์ธรรมดา แต่ที่นี่มิใช่ธรรมดาแน่นอน
เพราะเป็นบ้านพักของนางเอกสาวแถวหน้าของวงการ "แพนเค้ก-เขมนิจ"
ที่เกิดเหตุเป็นบ้านเดี่ยวสองชั้น ปลูกติดกัน 3 หลัง มีรั้วรอบขอบชิด ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 ไร่ ราคาประมาณ 12 ล้านบาท
แพนเค้ก นางเอกซูเปอร์สตาร์ พร้อมด้วยนายนทีเทพ และนางนวลนงค์ จามิกรณ์ บิดา-มารดา มารอรับเจ้าหน้าที่ พาไปตรวจสอบจุดเกิดเหตุ
บ้านทั้งหมดแบ่งเป็นที่อาศัยของพ่อ และน้องชายแพนเค้ก
อีกหลังนางเอกสาว มารดา และน้องสาวพักอยู่ และสุดท้ายเป็นบ้านพักของแม่บ้านและคนขับรถ
บริเวณหน้าต่างห้องน้ำชั้น 2 ของบ้านหลังที่นางเอกสาว มารดา และน้องสาวพักอยู่ พบร่องรอยประตูเปิดอ้า มีรอยมือและรอยเท้าเปื้อนโคลนที่ขอบหน้าต่างพื้นห้องน้ำ โถชัก โครก และอ่างล้างหน้า นอกจากนี้ยังพบรอยเท้าเดินออกไปทางระเบียงด้านนอก เจ้าหน้าที่จึงเก็บรอยนิ้วมือและเท้าไว้เป็นหลักฐาน
นางนวลนงค์ให้ปากคำว่า เมื่อค่ำวันที่ 22 มกราคม พากันออกไปทานข้าวนอกบ้าน กลับเข้ามาในช่วงดึก ถอดเครื่องประดับนาฬิกาโรเล็กซ์ แหวนทองล้อมเพชร และต่างหูเพชร รวมมูลค่าประมาณ 215,000 บาท วางบนอ่างล้างหน้าภายในห้องน้ำ จากนั้นก็พากันเข้านอนในราวๆ ตี 1
"พอตื่นขึ้นมาตอนแปดโมงเช้าก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ พบว่านาฬิกา แหวนทอง และต่างหูหายไป และพบรอยนิ้วมือและนิ้วเท้าจำนวนมากจึงเอะใจและคิดว่าโดนคนร้ายเข้ามาลักทรัพย์ภายในบ้านอย่างแน่นอน"
แม่นางเอกดังกล่าว
ตร.ลุยสืบ-พบคนใกล้ตัว
ด้วยความที่เหยื่อเป็นคนดังและเป็นที่รู้จัก ทำให้คดีนี้ได้รับการจับตาเป็นพิเศษ พ.ต.ท.พงศ์กิตติ์ พินิจลิขิตศักดิ์ รองผกก.สส.น.3 ได้รับคำสั่งร่วมเข้าสืบสวนกับสน.มีนบุรี
ตำรวจเชิญคนในบ้านประกอบด้วย แม่บ้าน 4 คน คนขับรถพร้อมกับคนสวนเป็นชาย 3 คน ไปแยกสอบสวน ทั้งหมดให้การว่าไม่รู้เห็นเรื่องที่เกิดขึ้น วันเกิดเหตุทำงานและเข้านอนตามปกติ
"จากการตรวจสอบพื้นที่รอบๆ รั้วบ้าน ทั้งด้านในและพงหญ้าด้านนอกไม่พบร่องรอยการปีนเข้าออก ส่วนภาพจากกล้องวงจรปิดยังไม่พบใครต้องสงสัย ทำให้ในชั้นนี้เจ้าหน้าที่มุ่งประเด็นไปที่บุคคลในบ้านหรือบุคคลใกล้ชิด คนในที่เคยเข้าออกบ้านหลังนี้จึงรู้ว่าแพนเค้กชอบวางเครื่องประดับกับของมีค่าเอาไว้ตรงไหน" พ.ต.ท.พงศ์กิตติ์กล่าว
ส่วนครอบครัวแพนเค้กไม่เชื่อว่าคนในจะเกี่ยวข้อง แต่เป็นไปได้ว่าอาจจะเป็นคนรู้จักกับคนในบ้านแอบเข้ามามากกว่า!
อย่างไรก็ตามการสืบสวนทางลับตำรวจได้ข้อมูลน่าสนใจ เกี่ยวข้องกับคนใกล้ชิดมากๆ ในครอบครัวแพนเค้ก จึงติดตามดูพฤติกรรมและสอบสวนประวัติเก่าๆ จนพบเรื่องราวบางประการที่ไม่เป็นที่รับรู้ของคนนอกครอบครัว
เจ้าหน้าที่เก็บข้อมูลดังกล่าวเอาไว้และเชิญบุคคลอื่นๆ ในบ้าน มาตรวจลายนิ้วมือเพิ่มเติม และพบว่าตรงกับบุคคลคนหนึ่ง!
อย่างไรก็ตามช่วงที่ตำรวจเริ่มขยายผลการสืบสวนมากขึ้น ครอบครัวนางเอกสาวค่อยๆ เก็บตัวเงียบ
จนเวลาผ่านไปราว 1 สัปดาห์ แพนเค้ก และมารดาเดินทางเข้าพบพล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. ก่อนเปิดแถลงข่าวร่วมกันเกี่ยวกับเหตุการณ์ตีนแมวเข้าบ้าน
เป็นการแถลงแบบหักมุมจนเหลือเชื่อ!
แม่อ้างเข้าใจผิดไปเอง
"คดีที่เกิดขึ้นเข้าใจผิดกันเองกับลูกๆ เรื่องการวางทรัพย์สินภายในบ้าน เมื่อเจอทรัพย์สินครบแล้วจึงรีบมาชี้แจงกับตำรวจและสื่อมวลชน"
มารดาของนางเอกสาวกล่าวชี้แจงและว่าไม่ติดใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว!
ขณะที่พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ผู้เสียหายเข้ามาชี้แจงว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการเข้าใจผิดและเจอทรัพย์สินแล้ว คดีก็จะยุติไป แต่ผู้เสียหายต้องไปให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.มีนบุรี เพิ่มเติม
อย่างไรก็ตามหลังการแถลงข่าวไม่นานมีรายงานจากตำรวจชุดสืบสวนว่า ผลการตรวจสอบลายนิ้วมือบนขอบหน้าต่างและจุดอื่นๆ ในห้องน้ำพบว่าเป็นของ "พัตเตอร์"นายภัทรนันท์ จามิกรณ์ น้องชายดาราสาวนั่นเอง!
การนี้ทำให้แพนเค้กรับออกมาให้สัมภาษณ์ปกป้องน้องชายว่าไม่เกี่ยวข้อง เมื่อได้ของมาแล้ว ทุกอย่างก็น่าจะจบลงด้วยดี
"จริงๆ พอจะได้ยินข่าวมาบ้างที่คนมองว่าพัตเตอร์เป็นคนเอาไป แต่ก็ไม่มีอะไรและได้คุยเรื่องนี้กับน้องเรียบร้อย น้องไม่ได้ซีเรียส แพนรู้ว่าน้องเป็นยังไง"
ดาราสาวกล่าว
ในส่วนของตำรวจท้องที่ระบุว่าอย่างไรเสียแพนเค้ก พร้อมด้วยมารดา และพัตเตอร์ ต้องเดินทางมาให้ปากคำเพิ่มเติมก่อนที่จะถอนแจ้งความ
โดยมีรายงานว่าหากให้ข้อมูลไม่ชัดเจน อาจเข้าข่ายแจ้งความเท็จ!!!
"พัตเตอร์"รับปีนบ้านพี่สาว
คดีนี้ยิ่งถูกจับตามากขึ้นเพราะหลังการแถลงข่าวอ้างว่าเข้าใจผิด ครอบครัวดาราสาวยังไม่เข้าพบตำรวจ
จนล่วงเข้ากลางดึกวันที่ 7 มกราคม ทั้งหมดก็เดินทางเข้าพบพนักงานสอบสวนสน.มีนบุรี ให้ปากคำเพิ่มเติม ก่อนทำเรื่องถอนแจ้งความ
พ.ต.อ.สราวุธ จินดาคำ ผกก.สน.มีนบุรี ระบุว่าสอบสวนครอบครัวของแพนเค้กเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมงว่า ทางแม่และพัตเตอร์เดินทางมาให้ปากคำในฐานะพยาน เจ้าหน้าที่พบว่าคดีนี้เป็นการสำคัญผิดในข้อเท็จจริง
ครอบครัวนางเอกสาวให้การว่าวันเกิดเหตุออกไปทานข้าวนอกบ้าน เหลือพ่อกับน้องชายอยู่บ้านอีกหลัง ระหว่างนั้นพัตเตอร์แวะมาหาแม่และได้ยินเสียงผิดปกติในบ้าน จึงตัดสินใจปีนหน้าต่างห้องน้ำชั้น 2 เข้าไปดู จึงพบรอยมือและรอยเท้าดังกล่าว!
ตำรวจกล่าวอีกว่า ส่วนแม่และแพนเค้กให้การว่าเครื่องประดับดังกล่าวแพนเค้กและแม่ใช้สลับกันจนเกิดความสับสน ทำให้วันเกิดเหตุเมื่อกลับมาถึงบ้านแม่ทานยาแก้แพ้อากาศเกิดอาการเบลอ นำเครื่องประดับใส่ในลิ้นชักห้องทำงาน เมื่อตื่นขึ้นมาไม่เห็นเครื่องประดับในห้องน้ำที่วางไว้เป็นประจำจึงเข้าใจว่าถูกขโมย
"จากคำให้การและหลักฐานต่างๆ คดีนี้ไม่ถือว่าผู้เสียหายแจ้งความเท็จ จึงให้ถอนแจ้งความได้" ผกก.สน.มีนบุรี กล่าว
ด้านมารดาของนางเอกสาวพูดเพียงสั้นๆ ว่า เรื่องคดีเป็นอันจบไม่มีอะไร ส่วนรายละเอียดอื่นนอกจากนี้ขออนุญาตไม่พูดถึง
คดีนี้จึงจบแบบงงๆ พร้อมทิ้งปริศนาไว้มากมาย!