แม้ใคร ๆ จะบอกว่าเป็นเรื่องของความเชื่อส่วนบุคคล
เป็นความงมงายแน่แท้ หากต้องพึ่งพาสิ่งนี้ แต่ก็คงมีน้อยคนที่จะปฏิเสธว่า “ฮวงจุ้ย” ไม่ได้มีความหมายต่อความเจริญรุ่งเรือง หรือมีผลต่อโชคชะตาชีวิตมนุษย์
เพราะจะว่าไปแล้วความสุขหรือความอบอุ่นใจที่ได้จากการทำฮวงจุ้ย ก็คงไม่ต่างอะไรกับความเชื่อของคนไทยในเรื่องการซื้อหาที่อยู่อาศัยซึ่งไม่ควรเลือกทำเลที่เรียกกันว่า “ทางสามแพร่ง” หรือแม้แต่ความเชื่อที่ว่าควรปลูก “ต้นขนุน” ไว้หลังบ้านเพื่อความเป็นมงคลเปรียบเสมือนการช่วยหนุนนำความเจริญให้กับผู้อยู่อาศัยนั่นเอง
ฮวงจุ้ย คือ
ศาสตร์แห่งความเชื่อของชาวจีน ซึ่งแปลตามความหมาย “ฮวง” หมายถึง ลม ส่วน “จุ้ย” หมายถึง น้ำ อันเป็นองค์ประกอบสำคัญของศาสตร์และศิลป์ในการตรวจสอบและควบคุมพลังของสภาพแวดล้อมที่มีผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ และโชคชะตาของมนุษย์ ในปัจจุบันนานาอารยประเทศต่างให้การ ยอมรับศาสตร์ฮวงจุ้ยอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นในแถบยุโรปหรือเอเชีย
สำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน
การวางฮวงจุ้ยเข้ามามีบทบาทสำคัญไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการปลูกสร้างบ้านเรือน อาคารสำนักงาน และสถานที่ราชการต่าง ๆ โดยมีความเชื่อว่าจะนำมาซึ่งโชคลาภ ความสุขและความสำเร็จ ทั้งนี้ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยนั้นแบ่งออกได้เป็นหลายแขนง แต่ที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นสุดยอดของวิชาฮวงจุ้ยก็คือ ศาสตร์ฮวงจุ้ยเต๋าหมวกดำ และผู้ที่ได้รับ การยอมรับและยกย่องให้เป็นปรมาจารย์ฮวงจุ้ยด้านนี้ แถมมีดีกรีติดอันดับ 1 ใน 3 ของโลก ไม่มีใครในวงการฮวงจุ้ยไม่รู้จัก อาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท
อาจารย์วรธนัท อัศกุลโกวิท เกิดที่จังหวัดเพชรบุรี มีเชื้อสายจีน ปัจจุบันอายุ 68 ปี
(แต่ดูยังไงก็เหมือนคนอายุ 40 กว่า ๆ) จบปริญญาตรีสาขาวิทยาศาสตร์ จากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ปริญญาโทด้านจิตวิทยา จากประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มฝึกนั่งสมาธิตั้งแต่ยังเด็ก ได้รับการถ่ายทอดวิชาฮวงจุ้ยเต๋าหมวกดำ ซึ่งเป็นศาสตร์ชั้นสูงจากผู้เป็นพ่อและเครือญาติ พออายุ 19 ปี ได้เดินทางไปศึกษาเพิ่มเติมที่จีน ฮ่องกง และทิเบต
ในช่วงระยะเวลา 30 ปีที่ผ่านมา
นอกจากอาจารย์วรธนัทจะได้รับเชิญให้ไปเป็นที่ปรึกษา ในการก่อสร้างตึก Energy Complex ซึ่งเป็นอาคารแรกของไทยที่ได้ใช้วิชาฮวงจุ้ยในทุกขั้นตอน การเป็นที่ปรึกษาและแก้ ฮวงจุ้ยให้กับบริษัทการบินไทย ในสนามบินสุวรรณภูมิ รวมทั้งสถานที่ราชการอีกหลายแห่ง อาทิกระทรวงกลาโหม กองบัญชาการทหารสูงสุด สำนักงานตำรวจแห่งชาติ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ฯลฯ ยังเป็นที่ปรึกษาและทำฮวงจุ้ยให้กับบริษัท ธนาคาร และสถานที่ราชการในต่างประ เทศหลายแห่ง ได้แก่ อังกฤษ จีน ฮ่องกง มาเลเซีย รวมถึงสิงคโปร์ ซึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้อาจารย์ได้พาบรรดาลูกศิษย์ (ในชมรมฟ้าฝน ไฟ ซึ่งเปิดสอนให้ฟรี!) ไปดูตัวอย่างอาคารทั้งที่เป็นผลงานของอาจารย์เอง และที่คนอื่นทำไว้ เพื่อให้เห็นตัวอย่างของฮวงจุ้ยที่ดี และที่ทำไว้ไม่ถูกต้อง
เริ่มกันตั้งแต่ไปถึงสนามบินชางกี อาจารย์เล่าว่า
ที่นี่มีการทำฮวงจุ้ยกันตั้งแต่หอควบคุมการบิน อาคารสนามบินทั้งภายในและภายนอก แม้แต่ห้องรับรองก็ใช้ฮวงจุ้ยเข้าไปตกแต่งทั้งหมด รวมถึงการใช้ดอกไม้ตกแต่งอาคารซึ่งจะสังเกตเห็นแต่ดอกไม้สีม่วงและสีขาว อาจารย์บอกว่า หมายถึง โชคลาภ และเงินทอง ตามลำดับ
ถัดไปที่ อาคาร Suntec Tower สถานที่แห่งนี้ประกอบด้วยอาคาร 5 หลัง แต่ละหลังอาจารย์บอกว่าเปรียบเสมือนนิ้วมือทั้ง 5 นิ้ว มีน้ำพุอยู่กลางฝ่ามือหมายถึงการดึงดูดพลังเข้ามาอยู่ในมือ ทำให้เกาะสิงคโปร์เจริญรุ่งเรืองจวบจนทุกวันนี้
อีกหนึ่งอาคารที่ทำฮวงจุ้ยดี ทำให้ผู้คนที่เข้ามาอยู่ในอาคารหลังนี้มีธุรกิจที่เจริญรุ่งเรืองนั่น ก็คือ อาคารปาร์ควิว ซึ่งได้ทำ ฮวงจุ้ยกับตัวอาคารทั้งหมดโดยใช้โลหะนานาชนิดในการตกแต่ง น้ำพุหน้าอาคารจัดทำให้น้ำไหลเข้า หมายถึง เงินทองไหลเข้ามาทำให้คนที่มาอยู่มีความเจริญรุ่งเรือง
เฉกเช่นเดียวกับ สำนักงานการท่องเที่ยวสิงคโปร์ ซึ่งอาจารย์บอกว่าที่นี่ทำฮวงจุ้ยไว้ดีมาก ๆ เพราะเปรียบเสมือนประตูบ้าน ถ้าตรงนี้แข็งก็จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศเจริญรุ่งเรือง เมื่อเดินเข้ามาด้านในจะเห็น บันไดทางขึ้นอาคารที่มีลักษณะคล้ายผู้หญิงอุ้มท้อง ตรงนี้อาจารย์ให้ความรู้ว่า สื่อถึงการโอบอุ้มความมั่งคั่ง ร่ำรวยของประเทศสิงคโปร์เอาไว้ จะทำให้เกิดแต่สิ่งที่ดีขึ้นเรื่อย ๆ ประดุจการเกิดของเด็กทารก นอกจากนี้ส่วนกลางของอาคาร ยังมี บ่อน้ำรูปทรง 8 เหลี่ยม (โป้ยก่วย) ปล่อยให้เป็นน้ำนิ่งแทนแผ่นกระจกสะท้อนความเป็นอัปมงคล และดึงดูดความ มั่งคั่งเข้าประเทศ ไม่เพียงเท่านั้นทางเดินด้านในยังปูพรมด้วยลายปักษาสวรรค์สื่อถึงการเชื้อเชิญคนเข้ามาที่ประเทศสิงคโปร์อีกด้วย
มาถึงตรงนี้ แน่นอนที่สุดว่า
ทุก ๆ สิ่งย่อมมีทั้งด้านดีและไม่ดี ไม่ต่างอะไรกับ การทำฮวงจุ้ย ซึ่งถือเป็นศาสตร์สองคม หากทำดีก็ดี แต่ถ้าทำไม่ดีก็เจ๊ง !!
เหมือนดังเช่นโรงแรม แห่งหนึ่ง ตั้งแต่ด้านหน้าก็ปูกระเบื้องไม่ถูกหลักฮวงจุ้ย ใช้ กระเบื้องลายน้ำไหลออก ซึ่งไม่ ดี หมายถึงการเงินรั่วไหลออกมากกว่าเข้า ซ้ำร้ายด้านในอาคารยังมีการตกแต่งผนังห้องคล้ายสุสานหรือหลุมศพ และมีเทียนอยู่สองข้าง ส่วนอีกโรงแรมหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ห่างกันเท่าไร เริ่มตั้งแต่ป้ายชื่อโรงแรมมีลักษณะทิ่มแทงกันเอง เดินเข้าไปอีกนิดพบเสาไฟหน้าโรงแรมมีลักษณะเป็นมุมแหลมแทงเข้าหาตัวเอง เปรียบ เสมือนการทำลายตัวเอง ซึ่งตรงนี้อาจารย์ให้เกร็ดความรู้เกี่ยวกับฮวงจุ้ยเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญที่สุดอย่างยิ่งของการทำฮวงจุ้ย ต้องทำหน้าประตูให้ดีเสียก่อน ถ้าข้างนอกไม่ดี ถึงแม้ข้างในจะดีแค่ไหนก็ช่วยอะไรไม่ได้
ปัจจุบันสิงคโปร์นับเป็นประเทศหนึ่งในเอเชียที่มีความ เจริญรุ่งเรืองอย่างเห็นได้ชัด ทั้งนี้หากไม่พูดถึงฮวงจุ้ยคงต้องยกนิ้วให้กับความขยันขันแข็งของคนทั้งประเทศ
แต่อย่างไรก็ตาม ตราบใดที่มนุษย์ยังคงมีวิถีชีวิตที่ผูกพันกับความเชื่อ...แน่นอนว่า ศาสตร์แห่งฮวงจุ้ยก็ยังคงมีอิทธิพลต่อการดำรงชีวิตของมนุษย์ ซึ่งของ อย่างนี้คงบอกได้เพียง...สุดแล้วแต่ความนึกคิดของแต่ละคน
เพียงแต่อาจทายทักได้ว่า หากจะเชื่อไว้บ้างคงไม่เป็นไร ขอแต่อย่าหลงงมงายมากเกินไปเป็นพอ.
'เต๋าหมวกดำ' สุดยอดวิชาฮวงจุ้ย
เต๋าหมวกดำ เป็นนิกายหนึ่งของนักบวชที่มีประวัติและถือกำเนิดขึ้นในทิเบตมานานไม่น้อยกว่า 2,500 ปี โดยเป็น นักบวชที่มุ่งศึกษาและมีความชำนาญในเรื่องของวิชาฮวงจุ้ยทุกแขนง และได้รับเชิญให้เป็นที่ปรึกษาแผ่นดินคู่บัลลังก์ของจักรพรรดิจีนมาตลอดทุกยุคทุกสมัยด้วยจุดประสงค์เพื่อให้จักรพรรดิจีนดำรงไว้ซึ่งความเป็นผู้มีอำนาจบารมีเหนือบุคคลทั้งหลาย สามารถปกครองแผ่นดินเอาไว้ได้ด้วยความสงบสุขยั่งยืน
ฮวงจุ้ยเต๋าหมวกดำ
ถือกันว่าเป็นศาสตร์ฮวงจุ้ยชั้นสูง ซึ่งจะถ่ายทอดและใช้เฉพาะจักรพรรดิและขุนนางชั้นสูง โดยผู้ที่จะได้รับการถ่ายทอดศาสตร์นี้จะต้องเป็นทายาทที่ใกล้ชิดกับขุนนางชั้นสูงของชาวจีนโบราณเท่านั้น