เมื่อเวลา 03.00 น. วันที่ 8 ก.พ. ผู้สื่อข่าว ข่าวสด รายงานว่า ร.ต.ท.วิญญู ธรรมยศ ร้อยเวร สภ.เมือง ระยอง ได้รับแจ้งว่าเกิดเหตุใช้อาวุธปืนยิงกันจนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตที่หน้าผับบ้านตะวัน ถ.ราษฎร์บำรุง ต.เนินพระ อ.เมือง จ.ระยอง จึงรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบ พร้อมด้วยกำลังเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุทันที เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุพบมีนักท่องราตรีหลายสิบคนกำลังยืนมุงกันอยู่ที่บริเวณหน้าผับดังกล่าว ตรงบริเวณลานจอดรถด้านหน้าประตูทางเข้า จึงเข้าไปตรวจสอบทันที พบร่างผู้ชายนอนเสียชีวิตจมกองเลือด สภาพศพนอนหงายมีเลือดไหลออกมาบริเวณศีรษะจนนองเต็มใบหน้าและพื้น ส่งกลิ่นคาวคลุ้งไปทั่ว เป็นที่สลดใจแก่นักท่องราตรีที่กำลังเดินทางกลับเป็นอย่างมาก แพทย์เวร ร.พ.ระยอง ตรวจสอบพบกระสุนเจาะเข้าที่ศีรษะรวม 3 นัด เป็นเหตุให้เสียชีวิต ก่อนจะนำศพไปชันสูตรอย่างละเอียดอีกครั้ง ที่ ร.พ.ระยอง

 จากการสอบสวนนายวชิรนนท์ อภิรมย์กานนท์ อายุ 27 ปี เพื่อนของเหยื่อกระสุน ได้ ให้การว่า ตนเองทำงานโรงงานในระยอง ได้มาเที่ยวสถานบันเทิงพร้อมเพื่อน 3 คน มีนายมะยาซี ตาเล๊ะ อายุ 24 ปี อยู่ม.4 ต.สาบัน อ.ยะหริ่ง จ.ปัตตานี  ซึ่งเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี (ม.อ.ปัตตานี) ชั้นปีที่ 3 ผู้ตายกับเพื่อนเพิ่งเดินทางมาจาก จ.ปัตตานี เพื่อมาเที่ยวที่ระยอง โดยไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น เพราะเข้าไปเที่ยวภายในผับก็ไม่มีเรื่องกับใคร จะมีก็แต่ผู้หญิงหน้าตาดีที่นั่งอยู่โต๊ะด้านข้างมาชอบกับผู้ตาย แต่ผู้ตายก็เพียงแต่คุยทักทายกันธรรมดา โดยที่ไม่รู้ว่าผู้ชายที่นั่งอยู่โต๊ะเดียวกับผู้หญิงเกิดหึงหวง

 จนกระทั่งช่วงที่กำลังจะกลับฝ่ายผู้หญิงคนดังกล่าวที่นั่งรวมอยู่กับผู้ชายหลายคนได้เดินเข้ามากอดผู้ตาย แต่ผู้ตายก็ไม่ได้แสดงอะไรตอบก่อนจะเดินออกจากผับเพื่อกลับ ขณะเดินออกมาที่ด้านหน้าก็มีชายฉกรรจ์สวมเสื้อคลุมสีดำใช้อาวุธปืนจ่อยิงศีรษะ จนล้มลงแน่นิ่งเสียชีวิตคาที่โดยคนร้ายหลบหนีไปอย่างรวดเร็ว

 ทางด้านเจ้าหน้าที่ตำรวจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้มีการเรียกกลุ่มวัยรุ่นที่นั่งโต๊ะใกล้กับผู้ตาย พร้อมทั้งเด็กเสิร์ฟมาสอบปากคำเพิ่มเติม โดยคาดว่าคนร้ายจะเป็นคนในพื้นที่ที่มาดื่มกินจนเมามายและเกิดการหึงหวงแฟนสาวที่มาด้วยกัน จนเป็นเหตุให้บันดาลโทสะและมีการเตรียมการไว้ก่อนออกไปถอดป้ายทะเบียนและนำอาวุธปืนมายิงโดยรอจนกว่า นายมะยาซี จะออกมาจากผับ ขณะนี้ได้มีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดภายในผับดังกล่าวเพื่อหาใบหน้าของผู้ต้องสงสัย และตามเส้นทางที่คาดว่าจะหลบหนี เพื่อนำตัวคนร้ายนำมาลงโทษตามกฎหมายต่อไป