รายงานจากกองบัญชาการกองทัพบกว่า พ.อ.วินธัย สุวารี รองโฆษกกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีมีสื่อได้นำเสนอเรื่องที่ศาลอาญาได้นับสืบพยานจำเลยคดีเผาห้างเซ็นทรัลเวิลด์ เมื่อปี 2553 โดยพยานคือพ.ต.ท.ชุมพล บุญประยูร ที่ปรึกษาด้านอัคคีภัยกลุ่มบริษัทเซ็นทรัลพัฒนาได้เบิกความว่า
ช่วงที่มีการชุมนุม ได้ประสานไมตรีและรู้จักกับผู้ชุมนุมโดยเฉพาะกลุ่มการ์ดเป็นอย่างดี โดยในวันเกิดเหตุ ก็ไม่เห็นหน้าคนกลุ่มนี้เลย และเมื่อตรวจภาพจากกล้องเห็นว่า กลุ่มที่เข้ามาแต่งกายคล้ายทหาร ถืออาวุธ มีฮู้ดปิดบังใบหน้าเข้ามาในห้างเซ็นทรัลเวิลด์ โดยทางเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพยายามต้านทานแต่กลับถูกปาระเบิดใส่
ทั้งนี้ การนำถ้อยคำดังกล่าวมานำเสนอผ่านสื่อในลักษณะนี้ในขณะที่กระบวนการศาลยังไม่เสร็จสิ้นอาจทำให้สังคมสับสนและเข้าใจผิดในตัวเจ้าหน้าที่ทหารได้พ.อ.วินธัย กล่าวว่า กองทัพบกขอเรียนเพิ่มเติมสำหรับข้อเท็จจริงของสถานการณ์ในช่วงนั้นว่า
ข้อที่ 1. เหตุการณ์การเผาเซ้นทรัลเวิลด์เริ่มในช่วง 14.00-15.00 น.ขณะนั้นเจ้าหน้าที่ทหารยังไม่สามารถเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุได้กว่าจะเข้าไปได้ก็ประมาณเวลา 21.00 น. ซึ่งทุกจุดได้ถูกเผาเสียหายไปจนหมดแล้ว แต่มีข้อสังเกตของสังคมเวลานั้นจะมีข่าวกระแสการปลุกเร้าจากคนบางกลุ่มให้เผาทำลายทรัพย์สินในหลายๆรูปแบบอยู่เป็นระยะๆ จนนำไปสู่การเผาทำลายจริงในต่างจังหวัดหลายพื้นที่ สำหรับใน กทม.นอกจากเซ็นทรัลเวิลด์ก็ยังมีอีกหลายจุดที่ถูกเผาวางเพลิงด้วยเช่นกัน
ข้อที่2. สำหรับเจ้าหน้าที่ทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ทุกคนจะไม่มีระเบิดเป็นเครื่องมือที่ใช้ในภารกิจนี้
แต่ในทางกลับกันเจ้าหน้าที่ทหารเองจะเป็นฝ่ายถูกทำร้ายด้วยระเบิดจากผู้ไม่หวังดีอยู่หลายครั้ง
ข้อที่ 3. ในปัจจุบันการแต่งกายคล้ายทหารจะพบเห็นได้ทั่วไปโดยเฉพาะการสวมชุดลายพราง
เพราะสามารถจัดหาได้ตามท้องตลาดทั่วไป มิได้มีแต่เจ้าหน้าที่ทหารเท่านั้นที่สวมใส่ และที่สำคัญที่ผ่านมามีผู้ที่กระทำความผิดหลายคนที่ถูกเจ้าหน้าที่ทหารจับได้ ก็จะแต่งกายในลักษณะนี้หลายคน
อย่างไรก็ตาม กองทัพบกเชื่อมั่นในระบบกระบวนการยุติธรรม ผู้ที่ทำความผิดคงไม่สามารถเบี่ยงเบนหรือพยายามชี้นำสังคม ไปในทิศทางตรงข้ามกับความเป็นจริงได้