รักพิสดารของ "แมงมุม" เขมือบกันหลังมีเซ็กซ์

เปิดบทรักพิสดารสิ่งมีชีวิต 8 ขา หลังมีเซ็กซ์ แมงมุมตัวเมียอาจกินตัวผู้ หรือตัวผู้อาจกินตัวเมีย ฉีดสารหลอนประสาทให้กัน ฉีกอวัยวะสืบพันธุ์ของกันให้ขาด และบางครั้งส่งเสียงกรีดร้องโหยหวน
       
       ไลฟ์ไซน์ดอทคอมออกมาเปิดเผยบทรักที่ชวนขนลุกของแมงมุม โดยระบุว่า หลักฐานในช่วงไม่กี่ปีนี้ บ่งบอกถึงการสืบพันธุ์ของแมงมุมที่แสนพิศดาร ยกตัวอย่างกรณีของ "แมงมุมหลังแดง" (redback spider) ที่มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า ลาโทรเดคตัส แฮสเซลติ (Latrodectus hasselti) ซึ่งใช้เวลาเกี้ยวพาราสีเฉลี่ย 50 นาที ในกรณีที่ตัวผู้ ต่อสู้เพื่อแย่งสิทธิในการผสมพันธุ์
       
       ส่วนกรณีที่ตัวผู้มาเดี่ยว ไม่มีการต่อสู้ ต้องใช้เวลาเกี้ยวพาราสีนานถึง 4.5 ชั่วโมง ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เพิ่งค้นพบเมื่อเร็วๆ นี้ว่า แมงมุมตัวผู้ที่ตัวเล็กกว่า จะกระฉับกระเฉงกว่าตัวที่โตกว่า เพราะมีพัฒนาการที่สมบูรณ์กว่า และเคลื่อนไหวเท้าได้เร็วกว่า
       
       ขณะที่แมงมุมกระโดด (jumping spider) ที่โตเต็มวัย จะแข่งกันทำตัวเรืองแสงคล้ายๆ กับการแต่งตัวเพื่อล่อคู่ผสมพันธุ์ โดยแมงมุมตัวผู้ จะเรืองแสงสีเขียวและขาวจากการสะท้อนรังสียูวี ส่วนตัวมีจะมีอวัยวะด้านหน้าที่ยื่นออกมาซึ่งเรืองแสงสีเขียวเช่นกัน หากไม่สามารถมองเห็นการเรืองภายใต้สเปคตรัมของแสงทั้งตัวผู้และตัวเมียจะเมินเฉยต่อกัน ซึ่งชี้ให้เห็นว่าคู่ผสมพันธุ์ต้องแสดงให้การเรืองแสงเพื่อพิสูจน์สุขภาพที่พร้อมจะเกี้ยวพาราสีกัน
       
       ในการสืบพันธุ์ของแมงมุม จะไม่มีการสอดใส่สเปิร์มจากอวัยวะสืบพันธุ์ของแมงมุมตัวผู้ เข้าในร่างกายของตัวเมีย
       
       แมงมุมตัวผู้จะฉีดน้ำเชื้อที่เตรียมไว้ ผ่านอวัยวะคล้ายเข็ม บริเวณส่วนหน้าที่ยื่นออกมาบริเวณปาก ให้ตัวเมีย ระหว่างที่การเกี้ยวพาราสีเกิดขึ้นแมงมุมกระโดดตัวผู้จะโค้งตัว สั่นอวัยวะที่ยื่นออกมาบริเวณปาก แล้วเดินย่องๆ เข้าหาตัวเมีย หากจีบสำเร็จ ตัวผู้จะฉีดน้ำเชื้อจากอวัยวะที่ยื่นออกมาบริเวณปากเข้าอวัยวะสืบพันธุ์ของเพศเมียที่เปิดออก ซึ่งเรียกกันว่า "อีพิยีน" (epigyne) และอยู่บริเวณใต้ช่องท้องของเพศเมีย
       
       สำหรับแมงมุมสปีชีส์ทิดาร์เรนอาร์โก (Tidarren argo) ตัวผู้จะตัดอวัยวะสัมผัสบริเวณปากดังกล่าวก่อน เพื่อความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ และเหลือบางส่วนให้คู่ผสมพันธุ์ดึงออก ซึ่งจะติดอยู่ในช่องอีพิยีนประมาณ 4 ชั่วโมงเพื่อส่งผ่านสเปิร์มเข้าช่องรับน้ำเชื้อ แมงมุมตัวเมียยังเก็บน้ำเชื้อจากแมงมุมตัวผู้ได้หลายตัวและเลือกได้ว่าจะให้แมงมุมตัวไหนผสมกับไข่ของเธอ และแมงมุมต่างสายพันธุ์ก็มีวิธีปฏิบัติต่อคู่ผสมพันธุ์ในวิธีที่ต่างกัน
       
       ในแมงมุมใยกลม (orb-web spider) หรืออาร์กิโอเปบรูเอนนิชิ (Argiope bruennichi) ตัวผู้จะฉีกปลายอวัยวะสืบพันธุ์แล้วทิ้ง "ความเป็นชาย" (manhood) ในช่องสืบพันธุ์ของตัวเมีย เพื่อกันไม่ให้แมงมุมตัวผู้ตัวอื่น ฉีดน้ำเชื้อให้กับตัวเมียอีกได้ เมื่ออวัยวะสืบพันธุ์ของตัวเมียถูกปิด ตัวผู้อื่นๆ มีเวลาเพียง 8 วินาทีที่จะผสมพันธุ์กับตัวเมียตัวนั้น
       
       แมงมุมตัวเมียสปีชีส์ไฟโซคูลัสโกลบูซัส (Physoculus globusus) จะส่งเสียงกรีดร้อง ที่มีความถี่สูงเพื่อชักนำตัวผู้ระหว่างจับคู่ ซึ่งเสียงร้องนี้จะตอบสนองจังหวะการบีบรัดของอวัยวะสืบพันธุ์เพศผู้ที่อยู่ในร่างตัวเมียระหว่างผสมพันธุ์ ซึ่งเสียงกรีดร้องของตัวเมียเป็นการส่งสัญญาณเตือนคู่ผสมพันธุ์หากมีการบีบรัดที่รุนแรงหรือยาวนานเกินไป ซึ่งตัวผู้ก็จะตอบสนองอย่างกระตือรือร้นเพื่อเพิ่มโอกาสที่น้ำเชื้อของตัวเองจะได้รับเลือกให้ผสม
       
       เมื่อวาระของบทรักสิ้นสุดลง แมงมุมตัวเมียในหลายสปีชีส์จะกินตัวผู้ ด้วยขนาดแมงมุมตัวผู้ตัวเล็กตกเป็นเหยื่อได้ง่ายและแมงมุมตัวเมียขนาดใหญ่จะกินคู่ผสมพันธุ์ที่ตัวเล็กด้วยความหิว ซึ่ง 80% ของสปีชีส์ที่มีแมงมุมตัวผู้เล็กกว่าแมงมุมตัวเมีย คู่ที่ตัวเล็กกว่าจะถูกคู่ผสมพันธุ์จับกิน.

14 ก.พ. 53 เวลา 23:39 4,244 6 160
แชร์สกู๊ป
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...