วันนี้ ( 7 ก.พ. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงตูนิส ประเทศตูนิเซียว่า ชาวตูนิเซียจำนวนมากออกมาประท้วงอย่างรุนแรงตามท้องถนน หลังเกิดเหตุลอบสังหารนายโชครี บีเลด แกนนำพรรคฝ่ายค้านคนสำคัญ เมื่อวันพุธ โดยกลุ่มผู้ชุมนุมบุกทำลายอาคารสถานที่ราชการ และที่ทำการพรรคเอนนาห์ดา ซึ่งเป็นพรรครัฐบาล พร้อมกับเรียกร้องให้มีการจัดตั้งรัฐบาลนักวิชาการ

กลุ่มผู้ประท้วงจำนวนมากที่ล้วนอยู่ในอารมณ์รุนแรง เริ่มสร้างฐานที่มั่นหลายแห่งในใจกลางกรุงตูนิส และต่อสู้กับตำรวจปราบจลาจลเป็นระยะ ซึ่งรายงานของกระทรวงมหาดไทยระบุว่า การปะทะกันทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิตแล้ว 1 นาย

ประธานาธิบดีมอนเซฟ มาร์ซูกี แถลงประณามการเสียชีวิตของบีเลด ที่แม้จะเป็นแกนนำในการต่อต้านรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นการลอบสังหารอย่างชัดเจน ขณะที่นายราเชด กาห์นนูชี หัวหน้าพรรคเอนนาห์ดา กล่าวว่า กลุ่มคนร้ายที่สังหารบีเลด มีเจตนาต้องการจุดชนวนให้เกิดเหตุการณ์นองเลือด

ขณะที่นายกรัฐมนตรีฮามาดี เจบาลี แถลงผ่านสถานีโทรทัศน์แห่งชาติว่า อยู่ระหว่างเตรียมจัดตั้งรัฐบาล “เทคโนแครต” หรือรัฐบาลที่มาจากนักวิชาการ เพื่อบริหารประเทศเป็นการชั่วคราว พร้อมกับให้คำมั่นว่า จะจัดการเลือกตั้งทั่วไปโดยเร็วที่สุด ทว่าเจบาลีกลับไม่ได้กล่าวถึงการยุบสภา หรือการปรับคณะรัฐมนตรี ซึ่งจำเป็นต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาแห่งชาติแต่อย่างใด

ด้านชาติมหาอำนาจตะวันตกต่างออกมาแสดงความเป็นกังวลต่อสถานการณ์ในตูนิเซีย โดยนางวิคตอเรีย นูแลนด์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ แถลงว่า การลอบสังหารเจบาลีเป็นการกระทำที่ท้าทายกฎหมายอย่างชัดเจน แต่รัฐบาลวอชิงตันหวั่นเกรงเรื่องเหตุรุนแรงที่กำลังตามมา ส่วนนายกุยโด เวสเทอร์เวลเลอ รมว.กระทรวงต่างประเทศเยอรมนี แถลงแสดงความเสียใจต่อการสูญเสียที่เกิดขึ้น และประณามกลุ่มผู้ก่อเหตุ

สถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในตูนิเซีย ณ เวลานี้ คล้ายคลึงกับเหตุการณ์ลุกฮือของประชาชนเพื่อโค่นล้มอำนาจเผด็จการของประธานาธิบดีซิเน เอล อาบีดีน เบน อาลี เมื่อ 2 ปีก่อน ซึ่งเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในตูนิเซียครั้งนั้น เป็นจุดเริ่มต้นของปรากฏการณ์ “อาหรับสปริง” หรือการประท้วงโค่นล้มผู้นำในหลายประเทศแถบแอฟริกาเหนือและตะวันออกกลาง