เมื่อเวลา 07.30 น.วันนี้ (5 ก.พ.) นายบุญชัย เบญจรงคกุล เจ้าของกิจการเครือดีแทค ได้ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในเรื่องการเตรียมงานแต่งงานกับคู่หมั้นสาว ตั๊ก-บงกช คงมาลัย ซึ่งเจ้าสัวบุญชัย เผยกับผู้สื่อข่าวว่า “เรื่องงานแต่งก็อย่างที่ทราบ 28 มี.ค.นี้ ที่โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล มีพิธีเช้า รดน้ำสังข์ แล้วก็เลี้ยงตั้งแต่เที่ยงเลย งานของเราอยากจะให้เป็นแบบเรียบง่าย ไม่ได้จ้างออแกไนซ์อะไรเลย เราทำกันเอง รวมถึงของชำร่วยก็จะเป็นข้าว 101 อย่าง รวมอยู่ในห่อเดียวกัน คือ มีสายพันธุ์ข้าวทั้งหมด 101 สายพันธ์ ทั้งที่นำเอามาจากทุ่งกุลา และยังมีข้าวพิเศษอีก คือข้าวสังข์หยด ที่นำมาจากพัทลุง ก็มารวมอยู่ด้วย คือ รวมทุกๆ สายพันธุ์ที่อยู่ในบ้านเรา ซึ่งเป็นข้าวในโครงการรักบ้านเกิดที่ผมทำอยู่ และก็จะมีภาพที่เราเลือกออกมาจากพิพิธพันธ์ เป็นภาพที่เกี่ยวกับความรัก ส่วนชุดแต่งงานก็เป็นแนวไทยๆ เราคุยกันแล้วว่าจะใช้ชีวิตร่วมกัน เราไม่ได้จะแต่งงานโชว์ ผมก็ไม่ใช่คนโสดอะไร ไม่ต้องไปทำงานให้เหมือนคน ในสังคมคู่อื่นๆ ถ้าจะเอาเงินไปใช้ตรงนี้เยอะ ผมว่าเอาเงินไปทำบุญดีกว่า”
ผู้สื่อข่าวถามว่า อึดอัดไหมที่กลายเป็นคู่ที่ถูกจับตามองมากที่สุดคู่หนึ่งในตอนนี้ เจ้าสัวบุญชัย ตอบทันทีว่า “ผมก็ไม่คุ้นนะ ที่มีคนตามมาสัมภาษณ์อะไรแบบนี้” ส่วนทางด้านสินสอด เจ้าสัวบุญชัย เปิดใจว่า “เรื่องนี้เข้าใจว่าน้องตั๊ก เขาเป็นคนของสังคม ส่วนเราก็ทำงานสาธารณะ ก็เลยไม่รู้ว่าจะอย่างไร แต่จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของเรา แต่ก็ไม่รู้ว่าเราควรจะพูดเพื่อให้เขามีหน้ามีตาหรือเปล่า ไม่ค่อยแน่ใจว่าจำเป็นที่จะต้องบอกหรือเปล่า แต่เอาเป็นว่าทุกอย่างเป็นไปตามประเพณี และผมก็จะทำทุกอย่างให้สมเกียรติ เพราะผมก็มีหน้าที่การงานรับผิดชอบ ดูแล้วไว้ใจได้ ส่วนน้องเขาก็มีหน้าที่การงานของเขาเหมือนกัน ก็คือทำอะไรก็สมฐานะครับ” ด้านแปลนฮันนีมูน เจ้าสัวบุญชัย เผยว่า “เขาอยากไปฮาวาย ส่วนจะไปเมื่อไรก็ยังไม่รู้ เพราะว่าน้องเขากมีงานหนังของเขาเองที่จะออกฉายอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ส่วนผมก็มีงานเรื่องเปิดเว็บไซต์สำนึกรักบ้านเกิด เลยยังไม่รู้ว่าจะว่างไปฮันนีมูนเมื่อไร”
เมื่อถามต่อไปว่าเรือนหอดำเนินการไปถึงไหนแล้ว เจ้าสัวบุญชัยกล่าวว่า “เขียนแบบเสร็จแล้ว ส่วนงบฯ ก็ประมาณหนึ่ง คือเราสร้างบ้านที่ออกแบบมาเพื่อให้สอดคล้องกับชีวิตของเรา มีต้นไม้เยอะๆ ได้เดินออกกำลังกาย คิดว่ากว่าจะเสร็จก็คงจะหลังแต่งงาน ถามว่าผมตื่นเต้นไหม กับงานแต่งงานที่ใกล้เข้ามา ก็รู้สึกตื่นเต้นนะ เพราะผมเป็นคนที่มีโลกส่วนตัวสูง แล้วต้องมาเจอคนเยอะๆ เจอสื่อเยอะๆ ก็นิดหนึ่งนะ คือถ้าวันหนึ่งเราเป็นคนของสังคมอันนั้นเข้าใจได้ แต่ว่าตอนนี้เราไม่ได้เป็นคนของสังคม เราแค่เป็นคนที่ทำงานจิตอาสา อย่างเว็บไซต์รักบ้านเกิด ที่ผมทำอยู่ตอนนี้เราใช้เงินหลายร้อยล้านบาท แล้วให้ทุกคนเข้ามาโพสต์แลกเปลี่ยนเกี่ยวกับข้าว เกี่ยวกับเกษตรกรรม ทุกอย่างฟรีหมด ไม่ใช้เว็บฯ ค้าขาย ที่ผมทำตรงนั้นเพราะอยากจะทำ คิดว่าตัวเองทำได้ มีลูกน้อง มีน้องๆ ช่วยกัน ก็อยากจะทำทดแทนแผ่นดินเกิด บ้านเกิดของเรา ทำเอาไว้ให้ลูกหลานเราได้มีทางที่จะทำมาหากินต่อไป งานนี้ตั๊กเขาก็ช่วยได้เยอะ และในอนาคตถ้าเขาอยากจะเข้ามาช่วยตรงไหนก็ได้ ผมให้เขาทำได้เต็มที่”
ผู้สื่อข่าวถามต่อว่าช่วงนี้ภาพออกมาสวีทกันเยอะ มีการปรับตัวเข้าหากันมากน้อยแค่ไหน เพราะใกล้วันแต่งแล้ว เจ้าสัวบุญชัยกล่าวว่า“เวลาดีกันก็ถ่ายรูปกัน(หัวเราะ) เวลาขัดใจก็ไม่ได้อยู่ใกล้กันเพื่อถ่ายรูป จริงๆ ยอมรับว่าช่องว่างระหว่างกันมันเยอะ แล้วเราก็มีภาระรับผิดชอบในชีวิตประจำวันเยอะ เราก็ยังเป็นตัวของตัวเองอยู่ ส่วนเรื่องทะเลาะกัน ก็มีบ่อยนะ(หัวเราะ) แต่เราก็พยายามจะถนอมน้ำใจกัน จริงๆ เรามีเรื่องที่ต้องปรับเข้าหากัน เพราะเราเองก็ผ่านชีวิตมาเยอะ เราต้องพยายามจะเปลี่ยนเราด้วย แต่ต้องให้เวลาผมด้วยนะ เพราะจริงๆ เราเริ่มรู้จักกันเมื่อ 20 ก.ย.ปีที่แล้วเอง เวลาชั่วข้ามคืนจะให้ผมเปลี่ยนเรื่องอุปนิสัยที่มีมา 50 กว่าปีก็ยากนิดหนึ่ง ก็ต้องให้เวลาผมด้วย”
ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า ในอนาคตอยากจะมีทายาทสักอีกคน เจ้าสัวบุญชัย เผยทันทีว่า “ก็อยากมีส่วนจะมีกี่คนก็แล้วแต่เลย มาเท่าไรก็รับได้หมดครับ(หัวเราะ)”
ต่อข้อถามที่ว่า กระแสสังคมค่อนข้างจะจับตามองและวิพากษ์วิจารณ์ว่า ความรักครั้งนี้ของคุณบุญชัยกับตั๊กอาจจะไปกันไม่รอด รู้สึกและตั้งรับกับสิ่งเหล่านี้อย่างไร เจ้าสัวบุญชัยกล่าวว่า“ก็น้อยใจ ที่มีคนมาวิจารณ์เราแบบนั้น แต่ก็เข้าใจว่าคนเรามีอิสระทางความคิด บางคนก็แช่ง บางคนก็หาเรื่องเรา เป็นเรื่องปกติ เราไปวัดกันบ่อย เรามีครูบาอาจารย์ดี น้องตั๊กเองก็ สมเด็จท่านที่วัดปากน้ำก็เมตตา คณะชี คณะสงฆ์ ก็เมตตาน้องตั๊กมากๆ มีครูบาอาจารย์สอน บางวันเราก็โกรธกันจากข่าวบ้าง และความคุ้นกับวงการบันเทิง กับสื่อ เขาจะมีแหล่งข่าวเยอะ จนบางครั้งเขาก็ฟังมาเยอะ เยอะจนบางทีเขาก็เขว เชื่อคนอื่นแต่ไม่เชื่อเรา แล้วคนพูดทุกคนมันก็ไม่แปลกที่เขาจะคล้อยตาม แต่ผมเองก็บอกอยู่เรื่อยๆ ให้หนักแน่น อย่างเวลาเราไปไหนกัน แล้วมีคนมาคุยกับเขา ถามว่าคนนั้นเขาแค่อ่านหนังสือที่มาสัมภาษณ์เรา จากเล่มโน้นเล่มนี้ แล้วเอามาสรุปว่ารู้จักผมหมดแล้ว จริงๆ ไม่ใช่ แต่เราก็ให้อภัยเพราะว่าเราเองก็ครูบาอาจารย์สอนมา เข้าใจและเราเองทั้งคู่ก็ต้องหนักแน่นให้มากขึ้นมากๆ ส่วนอนาคตจะเป็นยังไงเราก็ต้องดูกันต่อไปนะครับ” คุณบุญชัย กล่าว.