สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานวันนี้ว่า นับเป็นเวลา 4 วันหลังการโจมตีทางอากาศใกล้กรุงดามัสกัสเมืองหลวงซีเรีย นายเอฮุด บารัค รมว.กลาโหมอิสราเอลกล่าวต่อผู้สื่อข่าวที่การประชุมความมั่นคงในเมืองมิวนิคของเยอรมนี โดยบอกเป็นนัยประมาณว่า อิสราเอลเป็นผู้ส่งเครื่องบินรบโจมตีศูนย์วิจัยอาวุธเคมีและชีวภาพของซีเรีย เพราะไม่ต้องการให้อาวุธเหล่านี้ตกอยู่ในมือของกลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์ในเลบานอน ภายหลังรัฐบาลประธานาธิบดีอัสซาดล่มสลาย สอดคล้องกับคำกล่าวของเจ้าหน้าที่สหรัฐที่บอกว่า การโจมตีเมื่อวันพุธที่ผ่านมา มีเป้าหมายอยู่ที่ขีปนาวุธยิงจากพื้นสู่อากาศ และหน่วยงานของทหารที่เชื่อว่า เป็นที่เก็บอาวุธเคมี
ขณะที่ หนังสือพิมพ์นิวยอร์ก ไทม์ส ฉบับวันอาทิตย์ของสหรัฐรายงานว่า อิสราเอลโจมตีทางอากาศในซีเรีย อาจสร้างความเสียหายแก่ศูนย์วิจัยอาวุธเคมีและชีวภาพ ด้วยเหตุนี้ประธานาธิบดีอัสซาด จึงกล่าวหาอิสราเอลกำลังทำให้ซีเรียไร้เสถียรภาพมากยิ่งขึ้น ส่วนรมว.ต่างประเทศอิหร่าน ซึ่งเป็นพันธมิตรของซีเรีย กล่าวแสดงความยินดีที่นายอาเหม็ด โมอัซ อัล-คาติบ ผู้นำฝ่ายค้านซีเรียพร้อมเจรจากับตัวแทนของรัฐบาลประธานาธิบดีอัสซาด แต่แอลจีเรีย พันธมิตรอีกชาติของซีเรีย กล่าวประณามการโจมตีทางอากาศ พร้อมกับระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ไม่เพียงแค่นั้น นายกรัฐมนตรีรีเซบ เทย์ยิบ เออร์โดกัน แห่งตุรกีกล่าวหาอิสราเอลกำลังทำตัวเป็นรัฐก่อการร้าย และประณามการโจมตีทางอากาศในซีเรียว่า เป็นเรื่องที่รับไม่ได้ เพราะละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ
ด้าน นายลีออน พาเนตต้า รมว.กลาโหมสหรัฐบอกว่า อเมริกามีความวิตกอย่างยิ่งว่า เหตุความไม่สงบและวุ่นวายในซีเรีย อาจทำให้กลุ่มติดอาวุธเฮซบอลลาห์ในเลบานอนได้ครอบครองอาวุธเคมีจากซีเรีย