ขอพบ"เฮียฮ้อ" เคลียร์สัญญา!
"อี๊ด โปงลางสะออน" เปิดใจ มึนเหตุ"ลูลู่-ลาล่า"ลาออกจากวง เผยเคยคุยเรื่องรับงาน เพิ่ม แต่ไม่ คิดจะบานปลายขนาดนี้ ยันไม่เคยโกงค่าตัวใคร รับเป็นห่วงน้องทั้ง 2 พร้อมรับกลับเข้าวงหากจำเป็น ระบุนำดอกไม้ธูปเทียนขอขมาเฮียฮ้อ พร้อมคุยเรื่องสัญญา ขอรับงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเลี้ยงคนในวงต่อไป ยันเดินหน้าต่อสืบสานวัฒนธรรมอีสาน คิวคอนเสิร์ตที่ศรีราชาคนแน่น เปิดตัวดารานำใหม่ รุ่นน้องจากนาฏศิลป์กาฬสินธุ์
เมื่อเวลา 21.00 น. วันที่ 2 ก.พ. ที่วิทยาลัยเทคโนโลยีแหลมฉบัง อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี วงดนตรีอีสานชื่อดัง "โปงลางสะออน" เดินทางมาเปิดการแสดงในงานปัจฉิมนิเทศน์ รุ่นที่ 16 ของวิทยาลัย ซึ่งมีนักเรียนที่สำเร็จการศึกษา และอาจารย์ร่วม 500 คน ร่วมรับชม โดยนายสมพงษ์ คุนาประถม หรืออี๊ด โปงลางฯ หัวหน้าวง นำทีมนักแสดงเรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมอย่างเต็มที่ พร้อมกับเปิดตัวนักแสดงหน้าใหม่อีก 1 คนด้วย
หลังการแสดงสิ้นสุดลง "อี๊ด โปงลาง" เปิดใจให้สัมภาษณ์เป็นครั้งแรก หลังจากที่ลูลู่ ดวงฤดี บุญบำรุง และลาล่า ขวัญนภา เรืองศรี ประกาศลาออกจากวง ว่า วงโปงลางสะออน ยังเดินสายเปิดการแสดงตามปกติ เราหยุดไม่ได้ ทั้งวงมีอยู่ 36 คน ทั้งตัวเล่นและทีมงาน มีค่าใช้จ่ายสูง ต่อเดือนประมาณ 9 แสนกว่าบาท เพราะทุกคนรับเป็นเงินเดือน ทำให้คณะเราต้องรับงานโชว์ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าหลังจากที่ "ลาล่า-ลูลู่" ออกจากวงมีผลกระทบอะไรหรือไม่ อี๊ดกล่าวว่า มีผลกระทบแน่นอน เพราะที่ผ่านมา น้องทั้งสองคนมาช่วยรับมุกในการเล่น แต่ก็ไม่ได้ซีเรียสเท่าไหร่ เพราะถือว่ายังมีอะไรอีกมากมายที่เราจะหยิบจะจับขึ้นมาเล่นเพื่อความสนุกสนาน แต่ที่มีผลก็คงเป็นเรื่องเจ้าภาพที่ยังไม่แน่ใจว่าวงเราจะเป็นอย่างไร ยังรับงานอยู่หรือเปล่า จึงขอชี้แจงว่าเรายังรับงานตามปกติ โดยพวกตนจะรับเอง
เมื่อถามว่าได้คุยกับ "ลาล่า-ลูลู่" อีกหรือไม่ อี๊ดกล่าวว่า ไม่ได้คุยกัน ตนเห็นจากข่าวว่าน้องเขาออกจากโปงลางสะออนไปแล้ว ความจริงก็คุยกันมานานเป็นปีแล้วในเรื่องที่ทั้ง 2 คนอยากขอรับงานเพิ่ม แต่ก็ไม่คิดว่าจะออกจากวง ซึ่งครั้งนี้ถือว่ากะทันหัน เพราะไม่รู้มาก่อนว่าเขาจะออก ความจริงตนค่อนข้างเป็นห่วงน้องทั้ง 2 มาก จึงอยากฝากบอกว่าถ้ามีอะไรก็ยินดีให้กลับมาร่วมงานได้
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีนักแสดงใหม่มาร่วมแสดงด้วยแล้ว อี๊ดกล่าวว่า เป็นรุ่นน้องที่เรียนที่นาฏศิลป์กาฬสินธุ์ เรียนอยู่ปี 4 และมีความสามารถมาก เลยชวนมาร่วมแสดงด้วย แต่ยังอยู่ในขั้นการทดลองงานว่าจะผ่านหรือไม่ ซึ่งน้องคนนี้มีความสามารถหลากหลายมาก ทั้งในเรื่องของเอ็นเตอร์เทน ร้องเพลง ร้องหมอลำศิลปะทางภาคอีสาน และสามารถต่อปากต่อคำกับตนได้เป็นอย่างดี ขนาดว่าในที่ที่คนฟังภาษาอีสานไม่เข้าใจเวลาที่เราเล่นไปบางทีก็เป็นมุกสดหน้าเวทีด้วยซ้ำคนก็จะฮาทั้งงาน
เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรกับอาร์เอส อี๊ดกล่าวว่า เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา ตนนำขัน 5 ขัน 8 ตามประเพณีอีสานเพื่อเข้าไปขอขมานายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ หรือเฮียฮ้อ แต่เฮียไม่อยู่ไปต่างประเทศตนจึงฝากไว้กับเลขา โดยจุดประสงค์ที่เข้าไปขอขมา เนื่องจากว่าที่ผ่านมาอาจจะมีอะไรที่ตนได้ทำลงไปโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์หรือขาดความยั้งคิดจึงอยากขอขมาเฮียตรงนี้ ไม่อยากให้เฮียรู้สึกในทางที่ไม่ดี เพราะความไม่รู้ของตน
เมื่อถามว่าสัญญาที่เหลือจะต่อหรือไม่ อี๊ด กล่าวว่า สัญญาที่เหลืออีกปีกว่า ก็ยังไม่ได้คิด แต่จะเข้าไปพบเฮียฮ้อ เพื่อขอรับงานเล็กๆ น้อยๆ เพื่อเลี้ยงน้องๆ แต่หากว่าอาร์เอสมีโปรเจ็กต์หรืออัลบั้มให้ทำก็ยินดี ซึ่งตนถือว่าอาร์เอสเป็นผู้มีพระคุณ เหมือนพ่อแม่คนที่ 2 เหมือนเดิม
เมื่อถามถึงข่าวว่า อี๊ด โกงเงิน ลูลู่-ลาล่า จนทำให้สองคนลาออก อี๊ดกล่าวว่า ตนไม่เคยโกง และไม่เคยเอาเปรียบใคร ที่ผ่านมาที่น้องบอกว่าไม่ได้เงิน ซึ่งเกิดจากระบบการเงินที่ล่าช้า แต่น้องไม่เคยมาถามตน และในช่วงหลังๆ ตนยอมรับว่าคุยกับน้องน้อยลง เพราะตนมีปัญหาชีวิตส่วนตัว และมีการเปลี่ยนระบบบัญชีอาจทำให้การสื่อสารในช่วงนั้นขาดหายไป เขาจึงเข้าใจว่าตนเป็นคนโกง ซึ่งจริงๆ แล้วมันไม่ใช่
ต่อข้อซักถามถึงกรณีที่เกิดปัญหาที่ จ.พิจิตร ที่ไม่มี ลูลู่-ลาล่า ไปแสดงด้วย หัวหน้าวงโปงลางสะออนกล่าวว่า งานที่ จ.พิจิตร ตนไม่เคยรู้เรื่องมาก่อนว่าลูลู่-ลาล่าจะไม่ไปร่วมแสดง ในวันนั้นขณะที่การแสดงจบ ตนถึงกับกราบขอโทษคนดูหน้าเวทีที่น้องทั้งสองคนไม่ได้มาร่วมแสดง ซึ่งคนในงานก็เข้าใจเป็นอย่างดี และวันนั้นผู้ชมก็ชมกันอย่างสนุกสนานมากไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นข่าวถึงได้ออกว่าเป็นงานที่ตนรับ หลังเกิดเหตุการณ์นี้ตนได้โทร.กลับไปหาหลวงพ่อเพื่อสอบถามว่าเกิดอะไรขึ้น และได้อธิบายเรื่องต่างๆ ให้หลวงพ่อฟัง หลวงพ่อท่านก็เข้าใจและอวยพรให้ต่อสู้ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามต่ออีกว่าอนาคตของวงโปงลางสะออนจะเป็นอย่างไร อี๊ดกล่าวว่า คงจะนำพาน้องๆ ทั้งหมดเดินหน้าต่อไป ดีหรือไม่ดีเป็นสิ่งที่ตอบไม่ได้แต่จะพยายามทำให้เต็มที่ โดยจากนี้ไปจะเน้นการแสดงเรื่องศิลปะและวัฒนธรรมอีสานมากกว่าที่จะเน้นเรื่องตลก และในความคิดของตนที่ผ่านมาตลกเป็นแค่เรื่องรอง สิ่งที่ตนทำคืออยากเสนอเรื่องวัฒนธรรม ถ้าหากว่าสุดท้ายวงไม่สามารถเดินทางต่อไปได้ เราก็พร้อมที่จะถอย เพราะตนถือว่าถ้าพูดถึง โปงลางสะออน ณ เวลานี้เป็นอะไรที่สูงสุดสำหรับตนแล้ว เรามาจากศูนย์จะกลับไปที่ศูนย์ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก