วันนี้ ( 4 ก.พ. ) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษว่า คณะแพทย์ชาวอังกฤษเปิดเผยผลการผ่าตัดกะโหลกศีรษะของด.ญ.มาลาลา ยูซาฟไซ วัย 15 ปี นักเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องสิทธิทางการศึกษาของเด็กในปากีสถาน ซึ่งรอดชีวิตจากการจ่อยิงโดยกลุ่มตาลีบันเมื่อปีที่แล้ว ว่าประสบความสำเร็จอย่างน่าพอใจ
โฆษกหญิงของโรงพยาบาลควีน เอลิซาเบธ ในเมืองเบอร์มิงแฮม ทางตอนกลางของอังกฤษ แถลงเมื่อวันอาทิตย์ว่า มาลาลาเข้ารับการผ่าตัดกะโหลกศีรษะ 2 ครั้งเมื่อวันเสาร์ เพื่อเข้ารับการใส่แผ่นไทเทเนียม สำหรับปิดรูบนกะโหลกที่เกิดจากกระสุนปืน รวมถึงการปลูกถ่ายคอเคลีย ซึ่งเป็นท่อช่วยรับเสียงในหูชั้นใน และติดตั้งอุปกรณ์พิเศษเพื่อช่วยฟื้นฟูระบบการได้ยินของหูข้างซ้าย ที่คาดว่าน่าจะกลับมาเป็นปกติได้ภายใน 18 เดือน
การผ่าตัดทั้ง 2 ครั้งกินเวลารวมนานกว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งผลที่ออกมาเรียกได้ว่าประสบความสำเร็จ และเป็นที่น่าพอใจของคณะแพทย์ ขณะที่อาการในช่วงพักฟื้นของมาลาลาดีขึ้นเป็นลำดับ เด็กสาวสามารถสื่อสารกับคณะแพทย์และสมาชิกในครอบครัวที่มาเฝ้าอาการได้เป็นอย่างดี
ก่อนหน้าที่จะมีการผ่าตัด นายแพทย์ เดฟ รอซเซอร์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลควีน เอลิซาเบธ เปิดเผยว่า มาลาลากล่าวกับคณะแพทย์ ยืนยันว่า เธอจะเดินหน้าต่อสู้เพื่อเรียกร้องการเปิดโอกาสทางการศึกษาให้แก่เยาวชนในปากีสถานต่อไป โดยไม่สนว่ากลุ่มตาลีบันจะส่งสมุนมาสังหารเธออีกหรือไม่
มาลาลา ซึ่งเริ่มต้นเส้นทางการเป็นนักเคลื่อนไหวของเธอตั้งแต่อายุได้เพียง 11 ปี กลายเป็นที่รู้จักของผู้คนทั่วโลก หลังถูกนักรบกลุ่มตาลีบันบุกขึ้นไปจ่อยิงที่ศีรษะในระยะเผาขน บนรถโดยสารรับ-ส่งนักเรียน เมื่อวันที่ 9 ต.ค.ที่ผ่านมา โดยกลุ่มตาลีบันออกมาอ้างเหตุผลภายหลังว่า เป็นเพราะเธอมี “เจตนา”ฝ่าฝืนคำเตือนของกลุ่ม ที่ต้องการให้เธอหยุดการเคลื่อนไหวเพื่อเรียกร้องเสรีภาพทางการศึกษาให้แก่เด็กชาวปากีสถาน
อย่างไรก็ตาม เธอรอดชีวิตได้อย่างปาฏิหาริย์ ก่อนถูกส่งตัวมาเข้ารับการรักษาที่อังกฤษในเวลาต่อมา เรื่องราวที่เกิดขึ้นทำให้เธอได้รับยกย่องให้กลายเป็น “สัญลักษณ์” ของการต่อสู้เพื่อการศึกษาของเยาวชน โดยเฉพาะเด็กหญิงในประเทศยากจน และล่าสุดเธอมีรายชื่ออยู่ในผู้ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ประจำปีนี้ด้วย