3 สถานที่ท่องเที่ยว ที่ต้องไปเยือนในปี 56 จาก เนชั่นแนล จีโอกราฟฟิค

 

1. ไครเมีย (Crimea)
ปัจจุบันไครเมียเป็นรัฐหนึ่งในประเทศยูเครน อยู่ริมทะเลดำและเป็นเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมากเพราะมีภูมิประเทศที่สวยงาม ล้อมรอบไปด้วยเทือกเขาหินปูนและมีชายหาดยาวสุดลูกหูลูกตา ว่ากันว่าเมื่อโซเวียตล่มสลาย ประเทศต่างๆ แยกตัวออกมาจากรัสเซีย รัสเซียเสียดายไครเมียมากเพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถนำรายได้เข้าประเทศได้อย่างมากในแต่ละปี


ไครเมีย

ไครเมียมีวิวทิวทัศน์สวยงามเทียบได้กับริเวียร่า เมืองท่องเที่ยวสุดหรูริมฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนของฝรั่งเศส แต่นักเดินทางไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายที่พักและอาหารการกินแพงลิบลิ่วเหมือนริเวียร่า นอกจากนี้ ไครเมียยังมีอากาศดีเกือบตลอดทั้งปี ต่างจากประเทศอื่นๆ ในแถบนี้ที่มักมีอากาศหนาวเย็นและหิมะตกหนา


พิพิธภัณฑ์ทหารเรือในไครเมีย

สถานที่ท่องเที่ยวก็มีหลากหลาย เช่น อดีตฐานทัพเรือลับในเมืองบาลัคลาวา ที่สร้างไว้ใต้ดินเพื่อใช้ซ่อมเรือดำน้ำในช่วงสงครามเย็น ปัจจุบันเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้คนเข้าชม หรือถ้าต้องการเข้าสปา หมักโคลนเพื่อสุขภาพ ก็สามารถเลือกได้มากมายทั้งชายฝั่งตะวันตกและตะวันออก ส่วนใครชอบประวัติศาสตร์ก็ไม่ควรพลาด ลิวาเดีย พาเลซ ซึ่งเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าซาร์เมื่อแปรพระราชฐานมาที่แหลมไครเมีย ที่นี่ยังเคยเป็นสถานที่ประชุมสุดยอดผู้นำ 3 ประเทศ คือ ประธานาธิบดีรูสเวลท์ของสหรัฐอเมริกา นายกรัฐมนตรีเชอร์ชิลของอังกฤษ และประธานาธิบดี สตาลิน ของสหภาพโซเวียต

ช่วงที่อากาศดีที่สุดคือตั้งแต่พฤษภาคมจนถึงตุลาคม การเดินทางก็สะดวกเพราะมีทั้งรถโดยสารสาธารณะ แท็กซี่รถเช่าและรถไฟ นักท่องเที่ยวอาจมีปัญหาในการสื่อสารบ้างเพราะภาษาอังกฤษยังไม่แพร่หลายนัก

2. ราเวนนา (Ravenna)
เมืองราเวนนาเป็นเมืองท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงในแคว้นเอมีเลีย-โรมัญญาทางตอนเหนือของอิตาลี เมืองนี้เคยเป็นเมืองหลักของจักรวรรดิโรมันตะวันตก และอาณาจักรออสโตรกอท ปัจจุบันกลายเมืองที่มีชื่อเสียงจากมหาวิหารกระเบื้องโมเสค นักเดินทางไม่ควรเปรียบเทียบเมืองนี้กับกรุงโรม เมืองหลวงของประเทศ เพราะที่นี่มีขนาดเล็กกว่า เงียบกว่าและสิ่งก่อสร้างทางประวัติศาสตร์ก็ไม่ใหญ่โต แต่ราเวนนาเป็นเมืองเล็กๆ ที่มีประวัติศาสตร์เก่าแก่ มีโบสถ์วิหารที่สวยงามและมีบรรยากาศของเมืองเล็กๆ ที่สวยงามในทุกมุม องค์การยูเนสโกขึ้นทะเบียนที่นี่เป็นมรดกโลกเมื่อปี 2539


วิหารแห่งหนึ่งในราเวนนา ประดับด้วยโมเสค

อาคารเก่าแก่ทางประวัติศาสตร์ 7 จาก 8 แห่งของที่นี่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ในศตวรรษที่ 5 และ 6 ตกแต่งโดยโมเสคที่มีสีสันสวยงาม สาเหตุที่ศิลปะโมเสคถูกนำมาใช้ตกแต่งอาคารอย่างแพร่หลายก็เพราะว่ากันว่าในสมัยนั้น ประชาชนส่วนใหญ่ไม่รู้หนังสือ จึงเลือกเล่าเรื่องความเป็นไปของการเมืองและศาสนาในยุคนั้นด้วยภาพโมเสคแทน ในปีหน้านี้ จะมีการจัดเทศกาลโมเสคในเดือนตุลาคมและพฤศจิกายน

เดือนที่น่าท่องเที่ยวที่สุดคือระหว่างมิถุนายนถึงตุลาคม จริงอยู่ว่าอากาศดีที่สุดในเดือนเมษายนและพฤษภาคม แต่สถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ จะจอกแจกจอแจไปด้วยเด็กนักเรียนที่มากันเป็นกรุ๊ป นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาที่นี่โดยทางรถไฟจากโบโลญญา เมืองหลวงของแคว้นนี้ การท่องเที่ยวในตัวเมืองก็สะดวก สามารถเดินชมเมือง ขี่จักรยาน ใช้รถโดยสารสาธารณะหรือแท็กซี่ได้

3. เมืองเมมฟิส (Memphis)
เมมฟิสเป็นเมืองขนาดกลางทางตะวันตกเฉียงใต้ของรัฐเทนเนสซี สหรัฐอเมริกา เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นเมืองที่เอลวิส เพรสลี่ย์ นักร้องดังผู้ล่วงลับเริ่มต้นชีวิตนักร้องที่นี่ คฤหาสน์เกรซแลนด์ที่เขาเสียชีวิตก็อยู่ที่นี่ เมืองนี้เป็นเมืองที่ด็อกเตอร์มาร์ติน ลูเธอร์ คิงส์ นักต่อสู้เพื่อสิทธิของคนผิวสีถูกยิงเสียชีวิตขณะกำลังรณรงค์เมื่อปี 2511 แต่ทั้งหมดนี้ทำให้เมืองจมอยู่กับความเศร้า จำนวนนักท่องเที่ยวก็น้อยลงทุกปี


เกรซแลนด์

หลายฝ่ายจึงพยายามปลุกความมีชีวิตชีวาให้กับเมืองนี้ ในปีหน้านี้ เดอะ แสต็ค (the Stax) พิพิธภัณฑ์ศิลปะเพลงโซลอเมริกันซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้นล่างของบริษัทแสต็ค เรคคอร์ดส์จับมือร่วมกับโรงเรียนดนตรีโซลวิลล์ ชาร์เตอร์จัดการเฉลิมฉลองครบรอบ 10 ปีของพิพิธภัณฑ์ด้วยการจัดเทศกาลดนตรีกลางแจ้งซึ่งจะประกอบด้วยคอนเสิร์ตและปาร์ตี้ตลอดทั้งเดือน


พิพิธภัณฑ์แสต็คในเมมฟิส

นอกจากนี้ เมมฟิสยังมีสวนสาธารณะที่สวยงาม ร่มรื่น หลายแห่งมีขนาดใหญ่ติดอันดับของประเทศ ทางการของเมืองยังสนับสนุนการประหยัดพลังงานและการขี่จักรยานโดยมีแผนที่จะขยายเส้นทางสำหรับจักรยานจาก 35 ไมล์เป็น 85 ไมล์รวมทั้งขยายพื้นที่สีเขียวเพื่อเชื่อมเมมฟิสกับเมืองในรัฐอาร์คันซอและมิสซิสซิปปี้

ในปีหน้านี้ พฤษภาคมเป็นเดือนที่เหมาะที่สุดสำหรับนักท่องเที่ยวเพราะจะมีเทศกาลดนตรีเดอะ แสต็ค ตลอดทั้งเดือน นอกจากนี้ยังมีเทศกาลดนตรีบีลล์สตรีทระหว่างวันที่ 3 – 5 อีกด้วย ส่วนสำหรับใครที่ชอบเรื่องอาหาร ก็จะมีการจัดแข่งขันการทำบาบีคิวระหว่างวันที่ 16-18

นักท่องเที่ยวสามารถย้อนเวลาด้วยการนั่งรถรางโบราณไปตามถนนสายสำคัญๆ ซึ่งเป็นที่ตั้งของพิพิธภัณฑ์สิทธิพลแห่งชาติ ริเวอร์วอล์คและเฟดเด็กซ์ ฟอรั่ม ได้ทั้งวันด้วยราคาเพียง 120 บาท


ขอบคุณ ข้อมูลจาก bangkokbiznews.com , MThai

Credit: http://itplaza.co.th/update_details.php?type_id=7&news_id=24485&page=1
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...