วันที่ 3 ก.พ. ที่สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พล.ต.ต.ธนายุตม์ วุฒิจรัสธำรงค์ ผบก.ภ.จว.นนทบุรี พ.ต.อ.ณัฐพล ศุกระศร รอง.ผบก. พ.ต.อ.นฤนาท พุทไธสง ผกก.สภ.ปากเกร็ด แถลงข่าวจับกุมตัวนายวินัย ยงประยูร หรือตู่ อายุ 30 ปีนายธีรศักดิ์ เกตุมีชัย หรือเพชร อายุ 31 ปี อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปส.(ปราบปรามยาเสพติด) หลอกผู้เสียหายก่อนใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ พร้อมของกลาง อาวุธปืน 1 กระบอก กุญแจมือ 1 อัน
พล.ต.ต.ธนายุตม์ กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 14 ม.ค. เวลา 08.00 น. ตำรวจ สภ.ปากเกร็ดรับแจ้งเหตุจากน.ส.นิสารัตน์ มัจฉา อายุ 32 ปี พักอยู่อาคาร ที 3 ชั้น 14 ห้อง 25 คอนโดเมืองทองธานี ถนนแจ้งวัฒนะ ต.บ้านใหม่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ว่าถูกคนร้ายชาย 2 คนแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่นอกเครื่องแบบใช้อาวุธปืนจี้ชิงทรัพย์ ได้ทรัพย์สินเป็นโทรศัพท์มือถือ 1 เครื่อง คอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก 1 เครื่อง สร้อยคอทองคำพร้อมพระเลี่ยมทอง 1 เส้น และเงินสด โดยเหตุเกิดขณะผู้เสียหายขับรถไปทำงานและขับมาถึงช่วง ถ.บรอนตรีท ปรากฏว่าเครื่องยนต์ดับ จึงเปิดไฟฉุกเฉินขอทาง กระทั่งมีรถแท็กซี่ขับเข้ามาจอดและมีชาย 2 คนดังกล่าวลงมาสอบถาม จากนั้นแนะผู้เสียหายว่าแบตเตอรี่เสีย ก่อนจะโบกรถที่ผ่านไปมา พ่วงแบตเตอรี่ให้จนรถของผู้เสียหายสตาร์ทติดพร้อมทั้งบอกให้รีบไปเปลี่ยนแบตเตอรี่
จากนั้นชายทั้งสองอาสานั่งไปเป็นเพื่อนเพื่อไปร้านแบตเตอรี่ที่อยู่ใกล้เคียงซึ่งผู้เสียหายไม่ได้เอะใจว่าจะเป็นคนร้ายเพราะทั้งสองแต่งกายคล้ายเจ้าหน้าที่ และยังลงมาช่วยพ่วงแบตเตอรี่ ประกอบกับเป็นช่วงเวลาเช้ามีรถวิ่งพลุกพล่าน จึงหลงเชื่อขับรถไปพร้อมกับชายทั้ง 2 คน แต่เมื่อมาถึงที่เปลี่ยว ชายทั้ง 2 คนแสดงตัวเป็นคนร้าย ก่อนชักอาวุธปืนจี้ที่ศรีษะ พร้อมทั้งจับใส่กุญแจมือ ก่อนรื้อค้นทรัพย์สินในรถและเรียกรถแท๊กซี่หลบหนีไป จากการสืบสวนทราบว่าคนร้ายคู่นี้ วันเดียวกันได้ไปก่อเหตุต่อเนื่องกับน.ส.สุชาดา ไร่นา อายุ 26 ปี พนักงานร้านกาแฟสดในจ.ปทุมธานี โดยอ้างกับผู้เสียหายว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจปส.(ปราบปรามยาเสพติด) และต้องการให้ผู้เสียหายชี้ตัวคนร้ายซึ่งชอบเข้ามาใช้บริการที่ร้านกาแฟดังกล่าว ซึ่งก่อนหน้านั้นผู้เสียหายเคยเห็นคนร้ายคู่นี้มากินกาแฟที่ร้านกับพวกกว่า 10 คนเป็นประจำ โดยแต่ละคนใส่เครื่องแบบคล้ายเจ้าหน้าที่ตำรวจปส.มาก จนผู้เสียหายหลงเชื่อ โดยวันเกิดเหตุคนร้ายโทรศัพท์นัดผู้เสียหายว่าให้ช่วยชี้ตัวคนร้ายคดียาเสพติด แต่ขณะนั้นเวลา 19.00 น. ผู้เสียหายเลิกงานแล้วและกำลังขับรถยนต์ขึ้นทางด่วนกลับบ้านที่ลาดพร้าว คนร้ายจึงหลอกผู้เสียหายว่าให้จอดรถรอ เดี่ยวจะเอาโน้ตบุ๊กไปให้ชี้ตัวคนร้าย
ผบก.นนทบุรี กล่าวอีกว่า เมื่อผู้เสียหายจอดรถรอประมาณ 10 นาที นายวินัย หรือตู่ คนร้ายได้เดินลงมาจากรถตู้และเข้ามาหาผู้เสียหาย พร้อมทั้งบอกว่าจะพาไปร้านอาหารแห่งหนึ่งแล้วจะเอาภาพคนร้ายให้ช่วยชี้ตัว โดยคนร้ายออกอุบายว่าจะขับรถแทนให้เนื่องจากผู้เสียหายไม่รู้จักร้านอาหาร เมื่อไปถึง คนร้ายบอกให้ผู้เสียหายเอากระเป๋าสะพายกับโทรศัพท์ทิ้งไว้ในรถเพราะจะเข้าไปไม่นาน เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อ ลงจากรถ คนร้ายจึงขับรถเก๋งยี่ห้อโตโยต้า รุ่นวีออส ทะเบียน ฆน 5458 กทม. ของผู้เสียหายหลบหนีไปทันที เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมหลักฐานจนพบว่าคนร้ายคือนายวินัย หรือตู่ และนายธีรศักดิ์ หรือเพชร อายุ 31 ปี จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับในข้อหาชิงทรัพย์ ซึ่งต่อมานายธีรศักดิ์เข้ามอบตัวที่ สภ.ปากเกร็ด แต่นายวินัย หนีไปกบดานอยู่กับภรรยาที่จ.อุดรธานี จึงนำกำลังไปจับกุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายได้สำเร็จ