เหลือเวลาอีก 28 วันที่ผู้สมัคร ผู้ว่าฯกทม.จะเดินสายหาเสียง โดยเฉพาะ 2 พรรคการเมืองใหญ่ ระหว่าง ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้สมัครหมายเลข 16 จากพรรคประชาธิปัตย์และ พล.ต.อ.พงศพัศ พงษ์เจริญ ผู้สมัครของพรรคเพื่อไทย
โดยล่าสุด น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยอมรับได้กำชับให้ผู้สมัครของพรรคนำเสนอนโยบายในการหาเสียงเป็นหลัก ขณะที่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เชื่อมั่นว่า การนำเสนอนโยบายที่เป็นไปตามหลักความเป็นจริง จะสามารถเพิ่มคะแนนนิยมของผู้สมัครได้
รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและติดตามนโยบายภาครัฐ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ผู้ติดตามการเลือกตั้งผู้ว่าฯกทม.ครั้งนี้วิเคราะห์บริบทในสนามเลือกตั้งว่า ยังไม่เห็นข้อได้เปรียบหรือเสียเปรียบของผู้สมัครทั้ง 2 คนอย่างโดดเด่น แต่ทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็มีดีคนละด้าน โดยชี้ว่า คุณสมบัติของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ แม้จะได้เปรียบในด้านการบริหารที่มีประสบการณ์ แต่ก็เสียเปรียบเรื่องวัยวุฒิ เมื่อเทียบกับ พล.ต.อ.พงศพัศ
แต่ในด้านของ พล.ต.อ.พงศพัศ ก็เสียเปรียบที่ขาดประสบการณ์ แต่ถ้าเทียบเรื่องนโยบายของทั้ง 2พรรค อาจไม่เห็นความต่าง จึงต้องขึ้นอยู่กับกลยุทธการนำเสนอนโยบายหลักของผู้สมัครผู้ว่าฯกทม.พรรคประชาธิปัตย์ เปิดแล้ว 10 มาตรการเร่งด่วน ขณะที่พรรคเพื่อไทย ชู 8 ยุทธศาสตร์หลักสร้างกรุงเทพฯ ซึ่งในรายละเอียดต่างก็นำเสนอแนวนโยบายที่จะดูแลความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของคน กทม.ดูแลเรื่องรายได้และค่าครองชีพให้สอดคล้องกันเรื่องการจราจรก็เน้นที่จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง นอกจากนั้นก็เป็นข้อเสนอเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งการบริการของ กทม.และการบริหารสาธารณะ