สลด! คนใจโหดขับรถทับสุนัข แม้เห็นอยู่ต่อหน้า
สำหรับคนบางคนนั้น เพื่อนที่รู้ใจและไว้ใจได้มากที่สุด ไม่ใช่มนุษย์ด้วยกัน แต่กลับเป็น สุนัข สัตว์เดรัจฉานที่เรามองว่ามันต้อยต่ำกว่า ซึ่งเมื่อเราให้ความรัก ความดูแลเอาใจใส่มันแล้ว สิ่งที่พวกมันให้กลับมานั้นมากล้น โดยให้ได้แม้กระทั่งชีวิต จึงไม่แปลกที่ผู้ที่เป็นเจ้าของสุนัขจึงรัก และเลี้ยงดูเจ้าตูบสี่ขาเสมือนคนในครอบครัว และหากเกิดเหตุการณ์ที่มาพรากชีวิตมันไป เจ้าของบางรายก็แทบจะขาดใจ ...
ดังเช่นเรื่องราวที่เฟซบุ๊ก UniDog (Thailand) ได้นำมาเผยแพร่จากเรื่องจริงของเจ้าของสุนัขท่านหนึ่ง ที่แทบใจสลายเมื่อรู้ว่า สุนัขที่คอยเฝ้าเลี้ยงดูมาถึง 17 ปี ผูกพันเป็นเหมือนสมาชิกคนหนึ่งในครอบครัว โดนคนใจโหดค่อย ๆ ขับรถทับให้ต้องทนทรมานเจ็บปวด เพียงเพราะคน ๆ นั้น คิดเพียงว่า "ก็แค่หมาตัวหนึ่ง" ดังเรื่องราวที่เจ้าของได้เล่าดังต่อไปนี้
"เหตุการณ์นี้ผ่านมาแล้ว แต่อยากเอามาลงเพื่อเป็นอุทาหรณ์ให้กับทุกคน วันที่เกิดเหตุการณ์ผมไม่อยู่บ้านไปต่างจังหวัด ด้วยความที่ซีอิ๊วไม่เคยมายืนเกะกะบนถนน และผ่านมาหลายปีก็ไม่เคยมีอะไร แต่ปีนี้ อิ๊วโชคไม่ดีหรือเป็นเคราะห์กรรมอันใดไม่รู้ อยู่ ๆ ก็โดนคนใจร้ายขับรถมาทับและก็ขับไป เพียงเพราะแค่ "หมาตัวหนึ่ง" จิตใจของคนที่เลี้ยงมันมา 17 ปี มันไม่ใช่แค่หมา แต่เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัว มันมีความผูกพัน พอกลับมาผมรีบพามันไปรักษา จิตใจผมย่ำแย่มาก ได้แต่โทษตัวเองว่าดูแลไม่ดี แต่วันที่ผมไปหามันที่โรงพยาบาล มีพี่คนหนึ่งบอกผมว่าเราต้องให้กำลังใจมัน ผมจึงจับเท้ามันไว้แล้วบอกว่า "อิ๊วต้องกลับบ้านด้วยกันนะ" มันก็นิ่ง ๆไป ผมใจไม่ดีเลย ได้แต่รอลุ้นให้หมอรักษาให้หาย จนวันสุดท้ายอาการมันก็ดีขึ้น โชคดีมากที่กระดูกไม่แตก กระบังลมไม่ฉีก แต่อิ๊วไม่เหมือนเดิม หอบง่ายมาก ขอขอบคุณคุณหมอ พี่ เพื่อน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ช่วยคุ้มครองและสร้างปาฏิหาริย์
ส่วนคนที่ทับหมาผม ผมก็รู้ว่าใคร พี่ชายผมคุยกะเค้า เค้าปฏิเสธก่อนเลยว่าไม่รู้เรื่อง แต่พอเอากล้องวงจรปิดให้ดู ก็เลยเถียงไม่ออก บอกตามสูตรว่า ถ้าให้ผมช่วยอะไรก็บอก ผมคิดในใจว่า ถ้ามึงช่วยหมากูวันนั้นเลยอาการมันคงดีขึ้นกว่านี้แน่ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ผมขอเค้าอย่างเดียว โปรดอโหสิกรรมแก่ซีอิ๊วด้วยเถิด ชาติที่แล้วหรือชาติใดที่อิ๊วได้ล่วงเกินท่านไว้ได้โปรดอโหสิกรรมให้มันเถอะ...
สุดท้าย
ผมอยากให้คนไทยมีจิตสำนึกมากกว่านี้
อยากให้คนไทยมีกฎหมายคุ้มครองหมาดีกว่านี้
ไม่งั้นความทุกข์แบบนี้ก็ไม่มีวันจบ”