เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอบคุณภาพประกอบจาก exitmundi.nl , dsc.discovery.com, virginmedia.com
หากพูดถึงเรื่องซูเปอร์โวลเคโนแล้ว หลายคนคงจะนึกไปถึงอุทยานแห่งชาติเยลโลสโตน ของสหรัฐฯ ที่มีซูเปอร์โวลเคโนซ่อนตัวอยู่ภายใต้ผืนดินผืนกว้างที่นั่น แต่นอกจากอุทยานแห่งชาติเยลโลสโตนแล้ว ที่อิตาลี ก็มีซูเปอร์โวลเคโนอยู่เช่นกัน ที่สำคัญ ล่าสุด ยังมีการพบว่าแม็กม่าใต้ดินนั้น มีความแปรปรวน คล้ายกับจะระเบิดออกมาในไม่ช้าไม่นานนี้ด้วย
เว็บไซต์วอยซ์ออฟรัสเซีย รายงานเมื่อวันที่ 30 มกราคมที่ผ่านมาว่า ซูเปอร์โวลเคโน แห่งนี้ อยู่บริเวณแอ่งแคมปิ เฟลไกร ซึ่งเป็นแอ่งภูเขาไฟใต้ทะเลที่อยู่ทางตะวันตกของเมืองเนเปิลส์ อิตาลี และตอนนี้ ดูเหมือนว่าแม็กม่าใต้พิภพกำลังแปรปรวน เพราะมีการตรวจสอบพบว่า ดินบริเวณดังกล่าวมีอุณหภูมิสูงขึ้น และพื้นดินเริ่มผิดรูปทรง คล้ายกับจะส่งสัญญาณให้ผู้เชี่ยวชาญด้านแผ่นดินไหวได้รู้ว่าอาจมีอะไรผิดปกติใต้ดินนั้นแล้ว
โดยจากการสำรวจล่าสุดของผู้เชี่ยวชาญด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ประเทศรัสเซีย พบว่า ดินบริเวณแอ่งแคมปิ เฟลไกร ซึ่งเป็นแอ่งใต้ทะเลนั้น มีการยกตัวขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 3 เซนติเมตร และการสั่นสะเทือนเล็ก ๆ น้อย ๆ ของดินบริเวณดังกล่าว อาจเป็นสัญญาณบอกว่า ภูเขาไฟกำลังเตรียมระเบิดแล้ว ซึ่งเมื่อมันระเบิดออกบนเปลือกโลกด้วยแรงดันมหาศาล ก็จะสามารถทำลายล้างทุกสิ่งให้กลายเป็นจุน ขณะที่เถ้าถ่านของมันก็จะปกคลุมชั้นบรรยากาศ ไม่ให้แสงอาทิตย์สาดมาถึงพื้นโลกได้อย่างเต็มที่ ส่งผลให้อุณหภูมิโลกลดลงอย่างรวดเร็ว เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า ฤดูหนาวนิวเคลียร์ อีกทั้งอากาศ ฝน ก็ยังเป็นพิษจนสามารถทำลายชีวิตคนจำนวนมากได้ เรียกว่าเป็นมหันตภัยจากธรรมชาติที่ร้ายแรงที่สุด เป็นหายนะที่ทำลายล้างโลกได้อย่างแท้จริง
นายวลาดิมีร์ เกอร์ยานอฟ ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านธรณีวิทยาจากมหาวิทยาลัยเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก ได้เปิดเผยว่า "แอ่งแคมปิ เฟลไกร เป็นซูเปอร์โวลเคโน เช่นเดียวกับที่อุทยานแห่งชาติเยลโลสโตนที่สหรัฐฯ หากระเบิดออกมาจะสร้างหายนะครั้งใหญ่ และจากการศึกษา พบว่าซูเปอร์โวลเคโนบริเวณแอ่งแคมปิ เฟลไกร เคยระเบิดมาแล้วเมื่อราว ๆ 30,000-40,000 ปีก่อน ซึ่งเถ้าถ่านจากการระเบิดครั้งนั้น ยังคงพบอยู่ในแถบเมดิเตอเรเนียน บัลแกเรีย ยูเครน หรือแม้แต่ในรัสเซีย และตอนนี้ เราก็พบว่าแม็กม่าใต้เปลือกโลกมีการขยายตัว และนั่นหมายความว่า มันอาจจะระเบิดออกมาในอีกไม่ช้าไม่นานนี้ก็ได้"
อย่างไรก็ดี คำสันนิษฐานดังกล่าวยังคงมีข้อโต้แย้งอยู่ โดยนายอเล็กเซ โซบิเซวิช นักวิจัยจากสถาบันแผ่นดินไหวและธรณีวิทยาแห่งรัสเซีย ได้เปิดเผยว่า การระเบิดของซูเปอร์โวลเคโนนั้นเกิดขึ้นนาน ๆ ครั้ง ทำให้เราไม่สามารถคาดคะเนช่วงเวลาที่อาจจะเกิดขึ้นอีกครั้งได้เลย และหากย้อนไปดูรายงานทางธรณีวิทยา จะพบว่า ในช่วงปี 1970 แอ่งแคมปิ เฟลไกร ก็เคยยกตัวขึ้นไม่ต่ำกว่า 50 เซนติเมตร แต่แล้วกลับคลายตัวลง และยังไม่มีการระเบิดออกมาเลย เห็นได้ชัดเจนว่า แค่ความแปรปรวนและขยายตัวของแม็กม่าบริเวณแอ่งซูเปอร์โวลเคโนนั้น ไม่อาจจะสรุปได้ว่านั่นเป็นสัญญาณเตือนการระเบิดของซูเปอร์โวลเคโนได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ว่าการพองตัวของแผ่นดิน และอุณหภูมิที่สูงขึ้นของดินในครั้งนี้ จะเป็นสัญญาณว่ากำลังจะเกิดการระเบิดของซูเปอร์โวลเคโนได้หรือไม่ ท้ายที่สุดแล้ว ภัยพิบัติทางธรรมชาติก็เป็นเรื่องที่ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ได้ และมันจะเกิดขึ้นเมื่อไรไม่รู้ สิ่งที่มนุษย์พอจะทำได้ ก็คือทำใจยอมรับว่าโลกใบนี้มีวัฏจักร มีการเปลี่ยนแปลงตัวเองอยู่เรื่อย ๆ ตามกาลเวลา หากภัยธรรมชาติเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ก็เตรียมรับมือกับมันอย่างดีที่สุด.. แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าทุกชีวิตจะหลุดพ้นเงื้อมมือของภัยธรรมชาติได้เมื่อมันมาถึง