สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ทางการฝรั่งเศสได้เริ่มบังคับใช้กฎหมายใหม่ สั่งให้ร้านค้าปิดไฟฟ้าหน้าหน้าร้านก่อนเวลา 01.00 น.รวมทั้งและสั่งให้อาคารที่ไม่ได้อยู่ในเขตชุมชนหนาแน่นปิดไฟฟ้า หลังจากพนักงานเสร็จสิ้นการทำงานแล้ว ตามมาตรการเพื่อตัดลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดอ๊อกไซด์แล้ว
โดยมาตรการนี้ยังมีขึ้นหลังจากที่นายมิเชล ซาแปง ซึ่งรับผิดชอบกระทรวงการจ้างงานระบุว่า มาตรการด้านขึ้นภาษีและลดประมาณการใช้จ่ายของทางการใช้ไม่ได้ผล และขณะนี้ฝรั่งเศสถือว่าประสบภาวะล้มละลายแล้ว ซึ่งเป็นเหตุผลที่ทำให้ทางการฝรั่งเศสต้องตั้่งเป้าลดการขาดดุลงบประมาณ ขณะที่สมาชิกรัฐบาลของประธานาธิบดีฟรังซัวส์ ออลแลงก์ บางราย ยังตำหนิว่า สาเหตุที่ฝรั่งเศสต้องประสบภาวะวิกฤตทางการเงิน เป็นผลมาจากการบริหารราชการแผ่นดินในยุคของอดีตประธานาธิบดีนิโกลาส์ ซาร์โกซี
ขณะเดียวกัน โพลของหนังสือพิมพ์ดัง"เลอ ฟิกาโร"สำรวจพบว่า กลุ่มผู้ตอบการสอบถาม 8 ใน 10 ราย เห็นด้วยกับนายมิเชล ซาแปง ที่ชี้ว่า ฝรั่งเศสล้มละลายแล้ว โดยนโยบายการเพิ่มเก็บภาษีและการลดงบประมาณใช้จ่ายของประธานาธิบดีออลแลงก์ ได้ถูกโจมตีอย่างหนัก ขณะที่รายงานของธนาคารชาติของฝรั่งเศสเงินทุนต่างชาติได้ออกจากประเทศทุกวัน และก่อนหน้านี้ สถาบันจัดอันดับเครดิตเอสแอนด์พี และมูดีส์ ต่างปรับลดอันดับความเชื่อถือด้านเครดิตของฝรั่งเศสซึ่งอยู่ที่ระดับ AAA ลงแล้ว
ทั้งนี้ ก่อนหน้านี้ ผู้นำฝรั่งเศสตั้งเป้าว่า รัฐบาลจะสามารถตัดลดงบประมาณลงได้กว่า 51,000 ล้านดอลลาร์ รวมทั้งสามารถเก็บภาษีเพิ่มได้อีกกว่า 20,000 ล้านดอลลาร์ ในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพิ่มเงินเข้าคลังจากการเก็บภาษีเพิ่ม