หาม กำนันเป๊าะ ส่งโรงพยาบาล หลังเครียดจัด นอนคุกคืนแรก


เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม

            หาม กำนันเป๊าะ ส่งโรงพยาบาลราชทัณฑ์ หลังแพทย์ลงความเห็นว่าต้องรักษาตัวต่อเนื่อง ยันไม่มีสิทธิพิเศษ ด้านตำรวจเผยหลักฐาน เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล คาด กบดานในไทยมาระยะหนึ่งแล้ว

            วันนี้ (31 มกราคม) มีรายงานข่าวว่า ทางเรือนจำได้ส่งตัว นายสมชาย คุณปลื้ม หรือ กำนันเป๊าะ ผู้ต้องหาคดีทุจริตจัดซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว และคดีจ้างวานฆ่านายประยูร สิทธิโชติ หรือ กำนันยูร ที่ถูกจับกุมเมื่อวานนี้ (30 มกราคม) ไปยังโรงพยาบาลทัณฑสถาน กรมราชทัณฑ์ ตั้งแต่เมื่อคืนที่ผ่านมา หลังจากกำนันเป๊าะมีอาการป่วยหนัก เนื่องจากโรคประจำตัวที่เป็นมาก่อนหน้านี้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ประจำโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 

            ด้าน นายสรสิทธิ์ จงเจริญ ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพ เปิดเผยเพิ่มเติมว่า ทางเรือนจำได้ปฏิบัติต่อกำนันเป๊าะเหมือนนักโทษทั่วไป โดยนำตัวมายังแดนแรกรับ ส่วนอาการป่วยของกำนันเป๊าะนั้น ทางกรมราชทัณฑ์ มีทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์อยู่แล้ว โดยอยู่ไม่ห่างเรือนจำมากนัก ซึ่งหากนักโทษป่วยกะทันหัน ก็สามารถนำตัวมารักษาได้ทันที ส่วนกรณีที่ว่าจะสามารถนำตัวนักโทษออกมารักษาตัวยังโรงพยาบาลภายนอกได้หรือไม่นั้น เรื่องนี้กระทำได้เพียงส่งตัวไปยังโรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากมีสถานที่รองรับในกรณีนักโทษป่วยหนักอยู่แล้ว ซึ่งทั้งหมดอยู่ที่ดุลยพินิจของแพทย์กรมราชทัณฑ์อย่างเดียว

            ขณะที่ พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า ในขณะนี้กำนันเป๊าะถือเป็นนักโทษเด็ดขาด เนื่องจากศาลฎีกา มีคำตัดสินออกมาแล้ว ส่วนการจะนำตัวไปควบคุมที่เรือนจำไหนอย่างไรนั้น เนื่องจากศาลมีคำสั่งให้จำคุกในคดีจ้างวานฆ่า 25 ปี คดีบุกรุกที่ดิน 5 ปี รวมจำคุก 30 ปี จึงต้องนำกำนันเป๊าะไปคุมขังยังเรือนจำความมั่นคงสูง เพราะโทษเกิน 15 ปี ส่วนจะพิจารณาให้ไปอยู่ที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการป่วยหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับความเห็นของแพทย์

            และจากการที่ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และนายแพทย์ชาตรี สุนพงศรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการ ได้ตรวจอาการกำนันเป๊าะเบื้องต้น เมื่อวันที่ 30 มกราคม ที่ผ่านมา พบว่า กำนันเป๊าะอายุมากแล้ว คือ 75 ปี และมีอาการป่วย เป็นโรคความดัน โรคหลอดเลือดในสมองตีบ มากว่า 10 ปี ทำให้มีอาการพูดช้า พูดไม่ชัด ซึ่งได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลเอกชนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้อาการยังทรงตัวอยู่ แต่จากนี้ทางญาติอาจต้องติดต่อกับทางโรงพยาบาลเดิมเพื่อขอประวัติการรักษาเพื่อมาทำการรักษากับโรงพยาบาลทัณฑสถานต่อไป


 เผย หลักฐาน กำนันเป๊าะ เปลี่ยนชื่อ-นามสกุล คาดกบดานในไทยระยะหนึ่งแล้ว

           สืบเนื่องจากเบาะแสต่าง ๆ ที่นำไปสู่การจับกุมตัวกำนันเป๊าะ ล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจเผยหลักฐานที่เป็นใบเสร็จรับเงิน รวมถึงซองยา ของโรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์ ที่ระบุชื่อ นายกิม แซ่ตั้ง ซึ่งเป็นหลักฐานอีกชิ้นหนึ่งที่อาจยืนยันได้ว่า กำนันเป๊าะใช้ชื่อนี้ในการใช้ชีวิตอยู่ในประเทศไทยระหว่างการหลบหนีคดี ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า กำนันเป๊าะได้หนีคดีไปอยู่ที่กัมพูชา แต่หลักฐานชิ้นนี้ยังมีความน่าสงสัยตรงที่ โรงพยาบาลดังกล่าวเผยว่า ไม่พบเวชระเบียนในระบบผู้ป่วยของโรงพยาบาล ทั้งในนาม นายสมชาย คุณปลื้ม และนายกิม แซ่ตั้ง ซึ่งสวนทางกับข้อมูลคนสนิทของกำนันเป๊าะ ที่ระบุว่า กำนันเป๊าะเดินทางมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลดังกล่าว

            ทั้งนี้ จากข้อมูลการสืบสวนยังพบว่า กำนันเป๊าะได้เข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลสมติเวช ศรีนครินทร์ ในชื่อ นายกิม แซ่ตั้ง โดยในเวชระเบียนระบุว่า อายุ 81 ปี เกิดเมื่อวันที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2474 ที่อยู่คือ ซอยเอื้อสุข 25 ถ.พัฒนาการ แขวงและเขตสวนหลวง กรุงเทพฯ โดยไม่ได้แจ้งเบอร์โทรศัพท์ และพบประวัติเข้ารับการรักษาครั้งแรกระหว่าง 22-27 เมษายน 2555 

            ต่อมา กำนันเป๊าะได้เข้ารักษาเป็นผู้ป่วยใน ตั้งแต่วันที่ 6-12 พฤษภาคม 2555 โดยหลังออกจากโรงพยาบาลได้ไปพบแพทย์ตามนัดอย่างต่อเนื่อง และเข้าเป็นผู้ป่วยในอีกหลายครั้ง กระทั่งครั้งหลังสุด คือ เมื่อวันที่ 30 มกราคม ซึ่งเป็นการพบแพทย์อายุรกรรมด้านประสาท

            จากข้อมูลดังกล่าวทำให้มีการวิเคราะห์ว่า กำนันเป๊าะน่าจะอยู่ในประเทศไทยมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งการจับกุมในครั้งนี้ พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผู้กำกับการกองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ กองบังคับการกองปราบปราม เปิดเผยว่า มีประชาชนจำนวนมากได้ให้ข้อมูลว่า กำนันเป๊าะยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย และได้ใช้ชีวิตตามปกติเหมือนบุคคลทั่วไป จนนำไปสู่การจับกุมในที่สุด 

            นอกจากนี้ยังมีการตั้งข้อสังเกตไปในหลายทิศทางว่า การจับกุมครั้งในนี้อาจเกี่ยวข้องกับการกลั่นแกล้งทางการเมือง หรืออาจเกี่ยวกับการปูทาง เพื่อวางตัวผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติคนใหม่ โดยใช้ผลงานการจับกุมครั้งนี้เป็นตัวอย่างของความชอบธรรมในการดำรงตำแหน่ง ขณะที่อีกมุมหนึ่งมองว่า การจับกุมที่ไม่มีเค้าลาง หรือเบาะแสมาก่อนล่วงหน้า อาจเป็นเพราะ พล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ไม่ต้องการให้เกิดการต่อรองในการจับกุม หรือตกเป็นเครื่องมือของฝั่งการเมืองอีกด้วย

Credit: http://hilight.kapook.com/view/81487
กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...