ดักรวบบน"มอเตอร์เวย์" แฉดอดเข้ากรุงรักษาตัว ส่งคุกทันที-รับโทษ30ปี คดีจ้างวานฆ่า"กำนันยูร" "สนธยา"ทำใจ-แต่ห่วง!
"กำนันเป๊าะ"เครียดหนักถูกส่งเข้า เรือนจำ หลังหน่วยคอมมานโดกองปราบฯ สกัดจับได้คารถหรูบริเวณด่านมอเตอร์เวย์ ขณะเดินทางกลับชลบุรีหลังแวะมาหาหมอที่ร.พ.เอกชนดังในกรุงเทพฯ ผบช.ก.-ผู้การกองปราบฯ ร่วมสอบปากคำ ก่อนส่งตัวให้ศาลออกหมายจำคุกคดีทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้วและจ้างวานฆ่ากำนันยูร ลงโทษจำคุกรวมกัน 30 ปี 4 เดือน ส่งเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ทันที เนื่องจากคดีถึงที่สุดในชั้นฎีกาแล้ว อธิบดีกรมราชทัณฑ์มารอรับพาตรวจร่างกาย พบมีโรคความดัน และหลอดเลือดในสมองตีบ ก่อนส่งแดนแรกรับและอาจจะส่งต่อไปคุกบางขวางเพราะโทษจำคุกสูงถึง 30 ปี เผยเบื้องหลังกองปราบฯ จัดทีมสืบสวนถึง 10 ชุดตามรอยมานาน 2 เดือน หลังทราบว่าลอบกลับมากบดานที่ชลบุรีและระยอง เนื่องจากต้องเข้าตรวจร่างกายที่ร.พ.ในกรุงเทพฯ สุดท้ายล็อกตัวได้ โดยกำนันเป๊าะหนีคดีดังไปนานหลายปีโดยไปกบดานประเทศกัมพูชา เวียดนาม และจีน จนช่วงหลังเห็นคดีเงียบดอดกลับมาอยู่เมืองไทยเป็นระยะๆ
กองปราบฯจับ"กำนันเป๊าะ"
เมื่อเวลา 10.30 น. วันที่ 30 ม.ค. พ.ต.อ.อธิป แท่นนิล ผกก.ปพ.บก.ป. พร้อมด้วยพ.ต.ท.อัครวุฒิ์ หลิมรัตน์ รอง ผกก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.ทรงรักษ์ ขุนศรี สว.กก.ปพ.บก.ป. พ.ต.ท.วัฒนา ผลงานดี สว.กก.3 บก.ป. พ.ต.ท.กิตติ เกิดขันหมาก สว.กก.ปพ.บก.ป. นำกำลังกว่า 10 นาย เข้าจับกุมนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ อดีตคนดังภาคตะวันออก ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลหนีคำพิพากษาศาลฎีกาคดีทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี โทษจำคุก 5 ปี 4 เดือน และหนีคำพิพากษาศาลฎีกาคดีจ้างวานฆ่า "กำนันยูร"นายประยูร สิทธิโชติ อดีตกำนัน ต.ท่าเสม็ด จ.ชลบุรี หรือเจ้าพ่ออ่างศิลา ตัดสินจำคุก 25 ปี รวมโทษจำคุกทั้ง 2 คดี 30 ปี 4 เดือน
จนมุมคามอเตอร์เวย์
โดยตำรวจดักจับกำนันเป๊าะขณะนั่งมาในรถเอสยูวี ยี่ห้อเลกซัส สีดำ รุ่นอาร์เอ็กซ์ 270 ทะเบียน ฎฎ-9579 กทม. ขณะขับเข้ามายังด่านเก็บเงินค่าผ่านทางมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี ขาออก เขตลาดกระบัง กทม. ตำรวจโบกเรียกให้จอดและนำรถสายตรวจขวางด้านหน้าและหลังเพื่อป้องกันหลบหนี ภายในรถพบชาย 3 หญิง 1 อยู่ภายในรถ พบนายสมชาย นั่งอยู่เบาะหลัง คู่กับแพทย์หญิงประจำตัวคนหนึ่ง ส่วนด้านหน้ามีคนขับ และนายวินัย พ้นภัยพาล อายุ 50 ปี กำนัน ต.เสม็ด อ.เมือง จ.ชลบุรี นั่งอยู่เบาะหน้าด้านซ้าย
ตอนแรกอ้างชื่อ"กิม แซ่ตั้ง"
ตอนแรกกำนันเป๊าะปฏิเสธว่าไม่ใช่จำเลยตามหมายจับของศาล แต่อ้างชื่อนายกิม แซ่ตั้ง เป็นชาวจีน พร้อมโชว์ถุงยาจำนวนหนึ่งของ รพ.สมิติเวช สาขาศรีนครินทร์ และพบใบเสร็จค่ายาในชื่อ "นายกิม แซ่ตั้ง" นอกจากนี้ยังพบถุงใส่กระสุนปืนลูกซอง เบอร์ 12 จำนวน 6 นัด ซุกซ่อนอยู่ที่ใต้เบาะที่นั่งคนขับ แต่ท้ายที่สุดกำนันเป๊าะก็สารภาพว่าเป็นจำเลยที่ถูกออกหมายจับ ตำรวจจึงคุมตัวกลับมาที่กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ หรือกก.ปพ.บก.ป.(คอมมานโด โชคชัย 4)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสภาพกำนันเป๊าะที่หลบหนีไปนานหลายปี มีรูปร่างอ้วนท้วนมากขึ้น ไว้ผมยาวกว่าปกติ
"ผบช.ก."รุดสอบด้วยตัวเอง
ต่อมาพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ฉายาพันธุ์ ผบช.ก. และพล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ ผบก.ป., พ.ต.อ.ปิยะ เจริญสุข ผกก.1 บก.ป. พ.ต.อ.วรวุฒิ คุณเกษม ผกก.3 บก.ป., พ.ต.อ.วัชรพล ทองล้วน ผกก.5 บก.ป. เดินทางมาสอบปากคำกำนันเป๊าะ ด้วยตัวเอง โดยพล.ต.ต.สุพิศาล กล่าวว่า ส่ง เจ้าหน้าที่ไปตรวจสอบกล้องวงจรปิดของร.พ. ดังกล่าว เพื่อตรวจสอบว่านายสมชาย เดินทางเข้าออกร.พ.แห่งนี้บ่อยครั้งแค่ไหน พร้อมกันนั้นจะตรวจสอบประวัติคนไข้ที่ชื่อนายกิม แซ่ตั้ง ซึ่งคาดว่าเป็นชื่อปลอมของนายสมชาย ที่ใช้สำหรับการติดต่อเข้ารับการรักษาพยาบาล
กำนันเสม็ดรับเป็นคนดูแล
สำหรับกระสุนปืนลูกซอง ที่พบอยู่ภายในรถของนายสมชายนั้น นายวินัยรับสารภาพว่าเป็นเจ้าของ เจ้าหน้าที่จึงแจ้งข้อหา มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนนำตัวส่งสน.โชคชัย ดำเนินคดี เบื้องต้นนายวินัยอ้างว่า กระสุนปืนหล่นอยู่ในรถนานแล้วจนลืม ไม่ได้นำไปใช้ก่อเหตุใดๆ ส่วนนายสมชายนั้นผมอาสาที่จะมาช่วยดูแล เนื่องจากทราบว่าป่วยด้วยโรคเส้นเลือดในสมองตีบ และมีโรคความดัน มีแพทย์ประจำตัวอยู่ที่ ร.พ.สมิติเวช ไม่อยากจะรักษาตัวที่ต่างประเทศ จึงเป็นผู้พานายสมชายไปรักษาที่ ร.พ.ด้วยตนเอง
นายวินัยกล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ นายสมชายเคยเดินทางออกไปต่างประเทศ แต่ไม่ขอระบุว่าเป็นที่ใดบ้าง สำหรับหญิงสาวที่อยู่ในรถด้วยนั้น ไม่ใช่ญาติของนายสมชายแต่เป็นแพทย์ประจำตัว ที่คอยดูแลอาการป่วยของนายสมชายเท่านั้น
ตามแกะรอยนานนับเดือน
ด้านพ.ต.อ.อธิป กล่าวว่า การจับกุมครั้งนี้ สืบเนื่องจากมีผู้เข้าให้ข้อมูลเบาะแสกับพล.ต.ท. พงศ์พัฒน์ ว่านายสมชายหรือกำนันเป๊าะ ยังคงหลบหนีอยู่ในประเทศไทย และใช้ชีวิตตามปกติเช่นบุคคลทั่วไป แม้ว่าจะถูกศาลออกหมายจับก็ตาม ผบช.ก.จึงสั่งการให้ลงพื้นที่ตรวจสอบในพื้นที่ จ.ชลบุรี เพื่อพิสูจน์ทราบ ก่อนพบว่ากำนันเป๊าะอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวจริง จึงส่งกำลังทั้งหมด 10 ชุด เฝ้าติดตามมาตลอด 2 เดือน เนื่องจากกำนันเป๊าะจะอยู่ในพื้นที่จ.ชลบุรี และระยอง ใช้รถยนต์ 3-4 คันสลับสับเปลี่ยนกัน จนกระทั่งทราบว่าวันนี้นายสมชาย เดินทางไปรักษาตัวที่ ร.พ.สมิติเวช ถ.ศรีนครินทร์ จึงวางแผนเข้าจับกุมตัวได้สำเร็จ
ผบ.ตร.ไฟเขียวจับตามศาล
รายงานข่าวแจ้งว่าหลังจากตำรวจกองปราบฯได้เบาะแสกำนันเป๊าะ ว่ากำลังจะเข้ากรุงเทพฯ และแจ้งต่อพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ ทางพล.ต.ท.พงศ์พัฒน์ จึงรายงานด่วนถึงพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. และพล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร. ทั้ง 2 นายตำรวจใหญ่จึงสั่งดำเนินการทันทีเพราะถือว่าเป็นการจับกุมตามหมายจับของศาล
เผยซุกเขมร-จีน-เวียดนาม
รายงานข่าวแจ้งอีกว่าสำหรับกำนันเป๊าะ หลังจากหนีไม่มาฟังคำพิพากษาคดีที่ดินเขาไม้แก้ว และจ้างวานฆ่ากำนันยูร ตอนแรกเผ่นไปกบดานที่ต่างประเทศ โดยหนีวนไปยังประเทศกัมพูชา เวียดนาม และจีน จนเมื่อคดีเงียบหายไปพักใหญ่จึงแอบกลับเข้ามาในเมืองไทย รวมทั้งเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อรักษาตัว จากนั้นสักพักก็จะหนีไปอยู่ต่างประเทศอีกเป็นระยะๆ ซึ่งจะใช้ชีวตแบบนี้มานานหลายปี ก่อนที่จะถูกจับกุมได้ในที่สุด
คอมมานโดคุมตัวส่งศาล
เวลา 14.30 น. หลังจากใช้เวลาทำบันทึกจับกุมพร้อมสอบปากคำเป็นเวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง จึงเสร็จสิ้น พ.ต.อ.อธิปพร้อมกำลังเจ้าหน้าที่คอมมานโด อาวุธครบมือ ควบคุมตัวกำนันเป๊าะไปส่งศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก โดยมีรถวิทยุสายตรวจ บก.ป.นำและปิดท้ายขบวน ระหว่างนำนายสมชายคุมตัวเดินขึ้นรถ ผู้สื่อข่าวได้พยายามสอบถามนายสมชาย แต่เจ้าตัวซึ่งมีสีหน้าเคร่งเครียด ไม่ยอมพูดอะไรทั้งสิ้น
ลูกชายมาดักรอหน้าศาล
ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ตำรวจหน่วยคอมมานโดกองปราบปรามพร้อมอาวุธปืนเล็กอัตโนมัติ เอชเคเอ็มพี5 นำตัวตัวกำนันเป๊าะ เดินทางมาถึง มีรถวิทยุฉลามบกนับสิบคันคุ้มกัน จากนั้นพาไปคุมตัวในห้องพิจารณาเวร มีนายวิทยา คุณปลื้ม บุตรชายคนรอง ซึ่งเป็นนายก อบจ.ชลบุรี พร้อมญาติ และผู้ติดตามจากจ.ชลบุรี เดินทางมาดูแล และสอบถามอาการของนายสมชายด้วยสีหน้าเคร่งเครียด และไม่ขอให้สัมภาษณ์
ศาลออกหมายจำคุก 30 ปี
ต่อมาศาลออกนั่งบัลลังก์ สอบถามว่าเป็นนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ จำเลยที่ 1 ในคดีจ้างวานฆ่ากำนันยูร หรือไม่ ซึ่งนายสมชายยอมรับว่าเป็นบุคคลเดียวกันจริง ศาลจึงออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด จำคุก 25 ปี บวกโทษจำคุกของศาลจังหวัดชลบุรี คดีทุจริตซื้อที่ดินกำจัดขยะ ต.เขาไม้แก้ว จ.ชลบุรี อีก 5 ปี 4 เดือน รวม จำคุกนายสมชายไว้ 30 ปี 4 เดือน ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้รับตัวนายสมชาย และนำไปพิมพ์ลายนิ้วมือไว้ จากนั้นนำตัวขึ้นรถยนต์ตู้ของกรมราชทัณฑ์ส่งไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีหน่วยปฏิบัติการพิเศษของกรมราชทัณฑ์มาอารักขาด้วยปืนยาวอัตโนมัติ เอชเค33 ร่วมกับรถกองปราบฯเพื่อป้องกันการแย่งชิงตัว
คดีจบแล้วเข้าคุกอย่างเดียว
นายทวี ประจวบลาภ อธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญา กล่าวว่าองค์คณะผู้พิพากษาเจ้าของสำนวน ที่รับผิดชอบคดีของกำนันเป๊าะ ค้นหาสำนวนคดีว่ากระบวนการถึงขั้นตอนไหนแล้ว ถ้าคดีนี้ศาลฎีกามีคำพิพากษาแล้วถือว่าคดีถึงที่สุด ต้องออกหมายจำคุกคดีถึงที่สุด ภายหลังตำรวจคุมตัวกำนันเป๊าะ มาส่ง ศาลจะส่งตัวกำนันเป๊าะพร้อมหมายจำคุกคดีถึงที่สุด มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์คุมตัวส่งเข้าเรือนจำต่อไป และคดีนี้ไม่สามารถจะประกันตัวได้อีกแล้ว เนื่องจากศาลฎีกามีคำพิพากษาออกมาแล้ว
อธิบดีคุกมารอรับเอง
ต่อมาเวลา 15.30 น. ตำรวจกองปราบปรามพร้อมเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ ได้นำตัวนายสมชาย คุณปลื้ม หรือกำนันเป๊าะ เข้าควบคุมตัวในเรือนจำ เพื่อทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ของ เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดยมีพ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย อธิบดีกรมราชทัณฑ์เดินทางมาตรวจสอบความเรียบร้อยภายในแดนแรกรับ พร้อมกล่าวว่าขั้นตอนจากนี้ก็จะมีการตรวจสุขภาพ คัดประวัติ และจำแนกประเภทของการคุมขังตามลำดับ ซึ่งตามปกติเจ้าหน้าที่จะกักตัวเพื่อตรวจสุขภาพ และทำประวัติการต้องโทษ เบื้องต้นทราบว่ากำนันเป๊าะมีปัญหาสุขภาพจึงต้องประสานให้แพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์ร่วมตรวจเช็กสุขภาพ ส่วนกรณีนี้ไม่รู้สึกกดดัน แม้กำนันเป๊าะ เป็นบิดาของนักการเมือง
เล็งส่งไปคุมขังบางขวาง
นพ.ธาตรี สุนพงศรี ผู้ช่วยผอ.ทัณฑสถาน โรงพยาบาลราชทัณฑ์ นำแพทย์ประจำสถานพยาบาลเข้าไปตรวจร่างกายกำนันเป๊าะ โดยใช้เวลาประมาณ 30 นาที ทั้งนี้เป็นที่สังเกตว่า นายวสันต์ สิงคะเสลิต ผู้บัญชาการเรือนจำกลางบางขวาง เดินทางมาติดตามสถานการณ์ใน เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯด้วย หลังมีแนวโน้มว่ากำนันเป๊าะอาจต้องถูกส่งตัวไปคุมขังในเรือนจำกลางบางขวาง เนื่องจากเมื่อนับโทษจำคุก 2 คดีรวมกันแล้ว มีโทษจำคุก 30 ปี ทำให้ไม่สามารถคุมขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯได้
ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศหน้าเรือนจำว่า มีนายวิทยา เดินทางติดตามขบวนรถคุมขังยังหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ แต่ไม่ลงจากรถ ขณะที่กลุ่มญาติประมาณ 10 คน นำของใช้ส่วนตัวและยากรักษาโรคมาส่งมอบให้เจ้าหน้าที่เรือนจำส่งต่อให้กับนายสมชาย
แยกเป็นนช.กลุ่มผู้สูงอายุ
พ.ต.อ.สุชาติกล่าวเพิ่มเติมว่า วันนี้จะควบคุมตัวนายสมชายไว้ในแดนแรกรับของเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จากนั้นจะพิจารณาหมายขังของศาลว่า นายสมชายต้องโทษคุมขัง ในคดีใดบ้าง มีอัตราโทษอย่างไร เนื่องจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มีอำนาจคุมขังนักโทษที่ต้องโทษจำคุกไม่เกิน 15 ปี หากถูกตัดสินให้ต้องโทษจำคุกสูงเกินกว่า 15 ปี ต้องหาเรือนจำที่เหมาะสมสำหรับคุมขังต่อไป เบื้องต้นทราบว่านายสมชายมีปัญหาสุขภาพ และจัดอยู่ในกลุ่มผู้สูงอายุ โดยขณะนี้มีอายุ 75 ปีแล้ว ทำให้มีโรคประจำตัว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่เรือนจำจะดูแลนายสมชายตามระเบียบ ไม่มีสิทธิพิเศษใดๆ แม้จะเป็นพ่อของรัฐมนตรีก็ตาม
ญาติวอนดูแลสุขภาพด้วย
ด้านนายชาตรีกล่าวว่า หลังนายสมชายถูกส่งตัวเข้าเรือนจำพบว่า มีอาการอ่อนเพลีย และมีประจำตัวหลายโรค เช่น โรคความดันโลหิต หลอดเลือดสมองตีบ แต่ยังมีอาการทรงตัว เนื่องจากเพิ่งได้รับการรักษาจากโรงพยาบาลเอกชนก่อนถูกตำรวจจับกุมตัว ทั้งนี้ญาติของนายสมชายแจ้งให้เจ้าหน้าที่เรือนจำทราบว่า นายสมชายเคยมีอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับ จึงขอให้เรือนจำจัดเตรียมเครื่องช่วยหายใจไว้ประจำในแดนคุมขังด้วย
"เหลิม"ย้ำไม่มีปมการเมือง
ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าทราบจากข่าวและพูดในฐานะตำรวจเก่า มองว่าคงจับกุมตามหมายจับของศาล เพราะกำนันเป๊าะไม่ได้ไปฟังศาลอ่านคำพิพากษา ส่วนรายละเอียดยังไม่ทราบ ตามขั้นตอนเมื่อจับกุมได้แล้วตำรวจต้องยื่นต่อศาลว่าสามารถจับกุมได้ จากนั้นศาลจะไต่สวนว่าเป็นบุคลที่มีตัวตนจริงตามหมายจับหรือไม่ ถ้าใช่ศาลก็สั่งจำคุกและส่งตัวไปเรือนจำโดยไม่ต้องพิจารณาอีกแล้ว
เมื่อถามว่าการจับกุมระหว่างที่บุตรชายมีตำแหน่งรัฐมนตรี มีข้อสังเกตว่ารัฐบาลมีเกม เพื่อต่อรองอะไรกับนายสนธยา คุณปลื้ม รมว.วัฒนธรรม หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่าไม่มี ตำรวจดำเนินการตามหมายจับของศาลเมื่อพบตัวก็จับกุม ไม่เกี่ยวที่จะไปต่อรองเพราะรัฐบาลไม่ใช่คนไปจับ
ใครก็แทรกแซงไม่ได้
เมื่อถามว่าพูดคุยกับนายสนธยา เรื่องนี้หรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่มี ถามว่าไปทำอะไรให้ได้เพราะดำเนินการตามหมายศาล เมื่อถามย้ำว่ายืนยันหรือไม่ว่าจะไม่ใช้อำนาจรัฐเข้าไปแทรก แซงกระบวนการยุติธรรม ร.ต.อ.เฉลิมกล่าวว่า ถ้าใครเก่งไปแทรกแซงก็เตรียมติดคุก จะไปทำอย่างนั้นไม่ได้ อย่าไปมองทุกอย่างเป็นการเมือง ซึ่งจริงๆ ไม่อยากให้สัมภาษณ์เรื่องนี้ แต่ถ้าไม่พูดสื่อก็จะบอกว่าไม่ทำความจริงให้ปรากฏ ถ้าพูดแล้วบางสื่อก็บอกว่าได้ไปต่อรองอะไรกันหรือไม่ จึงไม่อยากแสดงความคิดเห็น
สนธยาเครียด-พ่อถูกจับ
นายสนธยากล่าวถึงเรื่องเดียวกันว่าเพิ่งทราบเรื่องยังไม่มีโอกาสได้คุยกับพ่อ หรือปรึกษากับนายกฯ และร.ต.อ.เฉลิม ยอมรับว่าในฐานะลูกรู้สึกเครียดที่พ่อถูกจับกุมตัว อีกทั้งพ่อมีโรคประจำตัว แต่เชื่อว่าเรื่องนี้ไม่มีการเมืองมาเกี่ยวข้อง และไม่คิดว่าจะกระทบต่อตำแหน่งตัวเอง
?ไม่ต้องกลัวว่าผมจะใช้ตำแหน่งช่วยเหลือพ่อ เพราะเรื่องการต่อสู้คดีปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย? นายสนธยากล่าว
"ชูวิทย์"ชี้วางใจเกินไป
ด้านนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ ส.ส.ฝ่ายค้าน โพสต์ผ่านเฟซบุ๊ก"ชูวิทย์ I m No.5" ระบุว่า ?กำนันเป๊าะถูกตำรวจจับในระหว่างกลับบ้านพักที่ชลบุรี จริงๆ ผมได้ข่าวจากวงในมานานแล้วว่ากำนันเป๊าะไม่ได้หลบหนีไปต่างประเทศที่ไหนหรอก แต่อยู่ภายในบ้านพักแถวชลบุรี ในเขตอิทธิพลของแกนั่นเอง แกมีหูตามากมาย นอกจากนั้นแล้วแถบบางแสนชลบุรีก็ติดทะเล สามารถที่จะนั่งเรือเร็วออกไปไหนต่อไหนได้ แต่อย่างว่าล่ะครับ อย่าไว้ใจทางอย่าวางใจคน เพราะแกวางใจก็เลยมาหาหมอถึงโรงพยาบาล แกคงเบาใจเพราะว่าเวลาผ่านไปนาน เช่นเดียวกับคุณรักเกียรติก็โดนจับตอนไปวิ่งออกกำลังกายที่สวนสาธารณะ?
?แกหนีไปตั้ง 10 ปี สุดท้ายถูกจับได้ ที่มอเตอร์เวย์ขากลับชลบุรี หลังจากที่ไปหาหมอที่โรงพยาบาล และกำลังกลับบ้านที่ชลบุรี ดูแกจะใช้ชีวิตเหมือนคนปกติ แกวางใจเกินไปจนลืมนึกไปว่ากระบวนการยุติธรรมตามแกไปได้ทุกที่ ยกเว้นวันที่หมดลมหายใจ?
พรรคพลังชลเงียบเหงา
ที่จ.ชลบุรี ผู้สื่อข่าวเดินทางไปตรวจสอบที่พรรคพลังชล ต.แสนสุข อ.เมืองชลบุรี ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านของกำนันเป๊าะ บรรยากาศเป็นไปด้วยความเงียบเหงา จากปกติจะมีผู้คนแวะเวียนมานั่งสนทนาเป็นจำนวนมาก วันนี้มีเพียงประชาชนในพื้นที่เดินทางมาสอบถามรายละเอียดการจับกุมกำนันเป๊าะเป็นระยะๆ
ลูกกำนันยูรอโหสิกรรม
ด้านนายสาโรจน์ สิทธิโชติ บุตรชายคนโตของนายประยูร สิทธิโชติ กล่าวว่า ครอบครัวไม่ได้คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว และได้อโหสิกรรมให้กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมานานหลายปี หลังจากนี้ขอให้เป็นหน้าที่ตามขั้นตอนของกฎหมายเท่านั้น
พลิกปูม 2 คดีกำนันเป๊าะ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าสำหรับกำนันเป๊าะเคยเป็นนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองแสนสุข และผู้กว้างขวางที่โด่งดังที่สุดแห่งภาคตะวันออก ส่วนเหตุการณ์ที่ทำให้กำนันเป๊าะต้องหลบหนีมี 2 คดีใหญ่คือ ทุจริตซื้อที่ดินทิ้งขยะของเมืองพัทยาที่ ต.เขาไม้แก้ว อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และคดีจ้างวานฆ่า "กำนันยูร"นายประยูร สิทธิโชติ อดีตกำนันต.ท่าเสม็ด จ.ชลบุรี คนดังอ่างศิลา
ทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว
คดีเขาไม้แก้วเกิดขึ้นเมื่อปี 2536 เมื่อเมืองพัทยาจัดซื้อที่ดินกลบฝังขยะ มีนายพีระ ศิลรัตน์ เสนอขายที่ดินจำนวน 140 ไร่ ในราคาประมาณ 6 แสนบาท รวมเป็นเงิน 93 ล้านบาทเศษ และจ่ายเงินให้นายพีระไปทั้งหมด จนต่อมาถูกร้องเรียนว่าที่ดินดังกล่าวอยู่ในเขตป่าสงวนฯ และราคาซื้อขายปกติอยู่เพียง 3-5 หมื่นบาทต่อไร่เท่านั้น โดยกำนันเป๊าะถูกดำเนินคดีเพราะเป็นผู้รับประโยชน์ตัวจริงจากการซื้อขายที่ดินดังกล่าว เพราะนายพีระเป็นเพียงคนงานในบ้านกำนัน เป๊าะ และการสืบสวนพบว่ากระแสเงินซื้อที่ดินโอนไปหลายบัญชีก่อนสุดท้ายโอนเข้าบัญชีคนใกล้ชิดกำนันเป๊าะ คดีนี้ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาลับหลังเมื่อวันที่ 10 พ.ค.2549 เนื่องจากกำนัน เป๊าะหลบหนีไม่มาฟังคำพิพากษา ตัดสินว่าจำเลยผิดจริงจำคุก 5 ปี 4 เดือน
อีกเหตุจ้างฆ่ากำนันยูร
ในช่วงที่คดีทุจริตที่ดินเขาไม้แก้วกำลังอยู่ในชั้นศาล กำนันเป๊าะตกเป็นผู้ต้องหาคดีอุกฉกรรจ์ในข้อหาจ้างวานฆ่ากำนันยูร ซึ่งถูกมือปืนยิงเสียชีวิตกลางงานแต่งของลูกสาวคหบดีรายหนึ่งใน จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 9 มี.ค. 2546 คดีนี้พล.ต.อ. ปานศิริ ประภาวัต รองผบ.ตร.และพล.ต.อ. ภาณุพงศ์ สิงหรา ณ อยุธยา อดีตรองผบ.ตร.ได้รับคำสั่งให้เข้ามาคุมคดีนี้ และตั้งคณะทำงาน ชุดใหญ่สืบสวนสอบสวนจนพบเบาะแสว่าเป็น คำสั่งของกำนันเป๊าะ กับ "ส.ท.เหี่ยว"นายภาสกร หอมหวล คนสนิท
มือปืนซัดทอดจ้าง 3 ล้าน
สาเหตุต่อเนื่องจากคดีมือปืนสังหารพ.ต.ท. ไชยันต์ วิชัยดิษฐ อดีตรองผกก.5 บก.อก.ภาค 2 ลูกน้องคนสนิทกำนันเป๊าะ ถูกนายโยธิน สิทธิโชติ หลานกำนันยูรยิงเสียชีวิตเพราะปักใจว่าพ.ต.ท. ไชยันต์เกี่ยวข้องกับคดีอุ้มฆ่า "ยุทธเป๋" นายประยุทธ สิทธิโชติ พ่อนายโยธิน และเป็นน้องชายกำนันยูร หลังเกิดเหตุกำนันยูรพยายามเคลียร์ปัญหาแต่ไม่สำเร็จ ประกอบกับกำนันเป๊าะระแวงว่าจะถูกเล่นงาน โดยตำรวจพบว่ามีมือปืนหลายชุดได้รับคำสั่งให้สังหารกำนันยูรแต่ผิดพลาดหลายครั้ง ก่อนที่จะประสบผลสำเร็จ แต่ทำให้มีพยานจำนวนมาก โดยเฉพาะมือปืนที่รับงาน หลายชุด มีชุดหนึ่งถูกตำรวจล็อกตัวได้ให้การซัดทอดกำนันเป๊าะกับส.ท.เหี่ยว จ้างวานในราคา 3 ล้านบาท
ศาลฎีกาจำคุก-แต่หนีไปแล้ว
กำนันเป๊าะและส.ท.เหี่ยวให้การปฏิเสธและสู้คดีในชั้นศาล โดยศาลชั้นต้น และอุทธรณ์พิพากษาว่าผิดจริง จำคุกคนละ 25 ปี ระหว่างนั้นกำนันเป๊าะก็ชิงหลบหนีคดีไปเสียก่อน กระทั่งวันที่ 12 มี.ค.2555 ศาลฎีกาอ่านคำพิพากษาลับหลังยืนจำคุกกำนันเป๊าะและส.ท.เหี่ยวคนละ 25 ปี โดยให้นับโทษกำนันเป๊าะต่อจากคดีทุจริตซื้อที่ดินเขาไม้แก้ว รวมโทษจำคุก 30 ปี 4 เดือน ศาลออกหมายจับกำนันเป๊าะทั้งคดีทุจริตที่ดินเขาไม้แก้ว และคดีจ้างวานฆ่ากำนันยูร
นายกพัทยาชี้ทำตามกฎหมาย
วันเดียวกัน นายอิทธิพล คุณปลื้ม นายกเมืองพัทยา ลูกชายอีกคนของกำนันเป๊าะ กล่าวว่าถือว่าเป็นการดำเนินการของเจ้าหน้าที่ตามกระบวนการกฎหมาย ส่วนที่พ่อกลับมาเมืองไทยนั้นสาเหตุที่แท้จริงไม่ทราบและไม่อาจคาดเดาได้ แต่เบื้องต้นคิดว่าน่าจะเกี่ยวกับปัญหาเรื่องสุขภาพมากกว่า ในเรื่องที่จะต้องมีการใช้ยา พบแพทย์ เพราะท่านเคยผ่าตัดเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก อาจจะมาพบแพทย์เพื่อตรวจและรักษาอาการข้างเคียง
เชื่อไม่เกี่ยวปัญหาการเมือง
?ส่วนก่อนที่จะถูกจับนั้นพ่อเดินทางไปไหนไม่ทราบ รู้เพียงว่ากำลังเดินทางกลับจากกรุงเทพฯ เข้าตัวเมืองชลบุรี ในฐานะลูกชายและครอบครัวมีความเป็นห่วงเรื่องสุขภาพมากกว่า และเรื่องดังกล่าวไม่เกี่ยวกับการเมืองแน่นอน เพราะว่าการปฏิบัติหน้าที่ในส่วนของครอบครัวเองก็ทำหน้าที่เพื่อส่วนรวมอยู่แล้ว ในเชิงการเมืองก็ไม่ได้มีนัยยะอะไรที่เกิดขึ้นทั้งสิ้น? นายอิทธิพลกล่าว
ลูกๆ ทำหน้าที่ตามปกติ
ผู้สื่อข่าวสอบถามอีกว่า จากนี้ไปจะดำเนินการต่อไปอย่างไร นายอิทธิพลเผยว่า ทุกคนทำหน้าที่ตามปกติ ตนทำงานในฐานะนายกเมืองพัทยา นายสนธยาทำหน้าที่รมว.วัฒนธรรม และนายวิทยาทำงานในตำแหน่งนายก อบจ.ชลบุรี ต่อไป แต่ว่าเราก็ต้องให้กำลังใจบิดาด้วยการไปเยี่ยมท่าน และในส่วนของการดูแลสุขภาพอยากขอความเห็นใจคณะแพทย์-พยาบาลช่วยดูในเรื่องหยูกยาต่างๆ เพราะว่านับตามอายุแล้วตอนนี้ท่านก็ 75 ย่าง 76 ปี ถือว่าอายุมากแล้ว ในครอบครัวเราถือว่ามีความเข้มแข็งเพราะว่าเราเป็นครอบครัวสาธารณะ ทำงานเพื่อส่วนรวมมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นอะไรที่เป็นกระบวนการของบ้านของเมืองเราก็เคารพกติกาและไม่ได้ร้องขออะไรเป็นพิเศษ
สมิติเวชไม่พบชื่อ"เป๊าะ"
ที่ร.พ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ ซึ่งเบื้องต้นพบข้อมูลว่ากำนันเป๊าะมารักษาตัวก่อนถูกจับกุม น.ส.อภิญญา โชติศรี ประชาสัมพันธ์ โรงพยาบาลสมิติเวช กล่าวว่า จากการตรวจสอบรายชื่อนายสมชาย คุณปลื้ม ในระบบผู้ป่วยของโรงพยาบาลสมิติเวชไม่พบมีข้อมูลในแผนกเวชระเบียน รวมทั้งชื่อนายกิม แซ่ตั้ง ก็ไม่พบรายชื่อแต่อย่างไร
ชี้ต้องใช้บัตรปชช.มาแสดง
?ตามปกติแล้วขั้นตอนของโรงพยาบาลผู้ป่วยที่เข้ามารักษาจะต้องมีเอกสารบัตรประชาชนที่ แท้จริง ว่าเป็นใครที่อยู่ตามบัตรมายื่นกับฝ่าย เวชระเบียน เพื่อเป็นข้อมูลของทางโรงพยาบาล ส่วนที่ว่าจะมีการใช้ชื่อปลอมในการเข้ามารักษาในโรงพยาบาลนั้นไม่น่าจะมี เพราะปกติแล้ว คนที่เข้ารักษาจะต้องแจ้งชื่อจริงและยื่นบัตรประชาชนเป็นหลักฐาน?
พร้อมร่วมมือกับตำรวจ
ด้านเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลสมิติเวช ระบุว่าตอนแรกที่ทราบข่าวก็ตกใจ แต่ยังไม่มีตำรวจมา สอบถามข้อเท็จจริง ขอดูทะเบียนประวัติคนไข้หรือขอภาพจากกล้องวงจรปิด อย่างไรก็ตามทางโรงพยาบาลยินดีจะให้ความร่วมมือกับสื่อมวลชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจ ให้ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับ ผู้ต้องหาหากมาใช้บริการจริง ซึ่งทางผู้บริหาร จะเป็นผู้ออกมาแถลงชี้แจงด้วยตนเอง โดยจะนัดแถลงภายหลัง
"เป๊าะ"เครียดถูกส่งเข้าคุก
นายแพทย์ธาตรี ผู้ช่วยผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากการตรวจร่างกายกำนันเป๊าะ พบว่าเป็นโรคความดัน โรคหลอดเลือดในสมองตีบ มีลักษณะอาการพูดช้า พูดไม่ชัด ซึ่งกำนันเป๊าะรักษามาอย่างต่อเนื่องจากโรงพยาบาลเอกชน กำนันเป๊าะบอกว่า เป็นมา 10 กว่าปีแล้ว แต่อาการยังทรงตัวอยู่ ส่วนการดูแลเบื้องต้นมีแพทย์เฉพาะทางและมีพยาบาลดูแลอยู่ในเรือนจำอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องย้ายไปรักษาที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ ส่วนกรณีที่ญาติแจ้งมาว่าต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ เนื่องจากมีอาการหยุดหายใจขณะนอนหลับนั้น ดูแลเรื่องนี้อยู่แล้ว หรือต้องให้ทางญาติไปติดต่อทางโรงพยาบาลสมิติเวช เพื่อขอประวัติการรักษามารักษาต่อ ทั้งนี้กำนันเป๊าะมีอาการเครียดอยู่บ้าง