เมื่อวันที่ 29 ม.ค. นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เขียนข้อทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า “ทอล์กออฟเดอะทาวน์ในโลกออนไลน์ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาไม่มีเรื่องใดกระทบกระเทือนจิตใจ พี่น้องประชาชนเท่ากับคำพูดของรองโฆษกพรรคบลูสกาย พรรคเก่าแก่คู่ฟ้าเมืองไทยที่ชื่อพรรคประชาธิปัตย์ มนุษย์ทุกเผ่าพันธุ์ทั่วโลก น่าจะร้อยทั้งร้อยนะครับ ที่ผมคิดว่าจะต้องมีความเห็นใจเพื่อนร่วมโลกที่เจ็บไข้ได้ป่วยและอโหสิกรรมให้กันเมื่อตายจากไป แต่นี่คนไทยด้วยกันแท้ๆ ความเห็นอกเห็นใจกันในฐานะเพื่อนร่วมชาติกลับไม่มีเลยแม้แต่นิดเดียว ไปไม่กลับ, หลับไม่ตื่น, ฟื้นไม่มี, หนีไม่พ้น 4 คำพูดกับทั้ง 4 ท่าน ที่ถูกรองโฆษกพาดพิงก้าวล่วงในครั้งนี้ แทบจะไม่มีท่านใดที่จะมีโอกาสตอบโต้ขอความเป็นธรรมใดๆได้เลย
 

ท่านแรก เป็นอดีตนายกฯที่ล่วงลับไปเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ท่านไต่เต้าทางการเมืองจนกระทั่งได้ดำรงตำแหน่งสูงสุด โดยเริ่มต้นชีวิตการเมืองจาก พรรคประชาธิปัตย์ ตั้งแต่ปี 2511 ตั้งแต่รองโฆษกฯพรรคเดียวกันที่ออกมาก้าวล่วงในครั้งนี้ อายุได้เพียงขวบปีเดียว

ท่านที่ 2 สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่รองโฆษกพรรค ยังนุ่งขาสั้นเรียนชั้นประถม ดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์นานถึง13ปี เป็นบุคคลที่มีคุณูปการต่อพรรคประชาธิปัตย์อย่างยิ่ง ตลอดเวลาในชีวิตทางการเมือง ท่านมีแต่คนรักและเคารพ ทุกวันนี้นักการเมืองทุกคนทุกพรรคได้แต่ภาวนาให้ “ลุงหนั่น” หายป่วยโดยเร็ว

ท่านที่ 3 ท่านล้มหมอนนอนเสื่อต้องเข้ารักษาตัวกระทันหัน ขณะที่กำลังบำเพ็ญประโยชน์ ให้กับประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ในฐานะรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ท่านได้เสียชีวิตในเวลาต่อมาไล่เลี่ยกับ วันที่รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์พูดจาก้าวล่วงพาดพิง
 

ท่านที่ 4 คุณพ่อผมเองครับ ถูกปฏิวัติขณะเป็นนายกรัฐมนตรีสมัยที่ 2 จากการเลือกตั้งที่ได้คะแนนนิยมสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังปฏิวัติถูกตั้งข้อหาในคดีที่ดินรัชดา ต้องโทษจำคุก 2 ปี จากคดีจากการไต่สวนของ คตส.ซึ่งคณะปฏิวัติตั้งขึ้นมา และถูกโฆษกพรรคประชาธิปัตย์กระแนะกระแหนเป็นคนสุดท้ายจาก 4 คนว่า "หนีไม่พ้น"

ทั้ง 4 ท่านนี้ ผมเชื่อว่าคนไทยเกินครึ่งประเทศเห็นว่าเป็นผู้ที่ทำคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติบ้านเมือง มากกว่าสร้างความเสียหายครับ ดังนั้นผู้พูดจึงโดนพี่น้องที่รักความเป็นธรรม ในโลกออนไลน์ จัดหนักจนไปแทบไม่เป็น แต่ก็ยังไม่วายออกมาตอบโต้ โดยไม่รู้สำนึก เช่น “คนเลว ๆ อย่างพวกน้องต้องเจอผม ไม่ใช่อภิสิทธิ์หรอก” และ “พวกเราจะบริหารประเทศได้ดี ถ้าไม่มีประชากรสวะอย่างพวกคุณ” ทั้งหมดที่พูดนี้ในฐานะรองโฆษกพรรค เป็นการพูดแทนพรรค ไม่ได้พูดส่วนตัว จึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อเจ้าตัวนะครับ และผมเชื่อว่าหลายๆท่าน ยังคงหวังลมๆแล้งๆ ที่จะเห็นการขอโทษอย่างเป็นทางการจากทางพรรคฯแต่หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมา ผมแทบจะไม่เคยได้ยินคำขอโทษ จากนักการเมืองพรรคนี้เลยผมขอยกให้เป็นนักการเมืองเผ่าพันธุ์พิเศษแล้วกันครับ "สำหรับนักการเมืองพันธุ์ประชาธิปัตย์”