โดยปกติ ฟักเขียวบ้านเรา มีน้ำหนักผลเฉลี่ย 3-7 กิโลกรัม ในขณะที่ฟักยักษ์ ไต้หวัน ให้น้ำหนักผลเฉลี่ย 25-30 กิโลกรัม ขนาดผลยาวกว่า 60 เซนติเมตร ในขณะที่บางลูกหนักถึง 35 กิโลกรัม
นายทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ ประธานชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร จังหวัดพิจิตร เผยว่า หลายคนเห็นฟักยักษ์แล้ว คิดว่าเป็นพืชจีเอ็มโอ แต่จริงๆ ไม่ใช่ เพราะนี่เป็นฟักเขียวจากไต้หวัน ที่ชาวไต้หวัน นิยมไปทำเป็นน้ำฟักเขียว
นายทวีศักดิ์ บอกว่า ครั้งแรกเห็นฟักตัวนี้ที่ไต้หวัน ขนาดของผลใหญ่กว่าฟักเขียวผักพื้นบ้านของไทยมาก และ มีรสชาติหวานกว่าฟักบ้านเรา แต่เนื้อนิ่มกว่า ดังนั้นการต้ม จึงใช้เวลาน้อยกว่า หากต้มนาน จะทำให้เนื้อเละ ไม่อร่อย
นายทวีศักดิ์ เผยว่า กลุ่มลูกค้าที่จะซื้อฟักขนาดยักษ์ใหญ่นี้น่าจะเป็นกลุ่มร้านอาหาร ภัตตราคาร หรือกระทั่งเรือนจำเพราะลูกเดียว ก็ทำอาหารได้ในปริมาณมาก
ส่วนราคาขาย อยู่ที่ กิโลกรัมละ 10 บาท ลูกหนึ่งก็ขายได้อย่างน้อย 200-300 บาท
ในขณะที่การปลูก ต้องปลูกด้วยวิธีปลูกแบบยกค้าง จะให้ผลดีกว่าปลูกกับดิน ทั้งนี้เนื่องจาก การปลูกกับดินมีโอกาสเป็นโรคสูงกว่า และด้วยน้ำหนักที่มาก ดังนั้นเวลาให้ผลผลิตจึงต้องใช้เชือกช่วยรับน้ำหนักไว้
ใครที่สนใจอยากชมฟักยักษ์ กับตาตัวเอง โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงจังหวัดพิจิตร สามารถชมได้ในงาน "เกษตรมหัศจรรย์ ครั้งที่ 4 คุณค่าพืชพันธุ์ธัญญาหาร" ซึ่งจัดโดยเครือบริษัทมติชน จำกัด (มหาชน) ร่วมกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ รวมทั้ง 5 หน่วยงานในสังกัด ได้แก่ กรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กรมประมง กรมปศุสัตว์ และสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม
งานดังกล่าว จะมีขึ้น ระหว่างวันที่ 20-24 กุมภาพันธ์ นี้ ที่ เอ็มซีซี ฮอลล์ เดอะมอลล์บางกะปิ ซึ่งนอกจากฟักยักษ์ ก็ยังมีพืชแปลกๆ มาให้ชมกันอีกมากมายเลยทีเดียว