เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ที่บช.น. พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผบช.น. พล.ต.ต.ปริญญา จันทร์สุริยา พล.ต.ต.ฐิติราช หนองหารพิทักษ์ รอง ผบช.น. พร้อมด้วยตำรวจท้องที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมประชุมเร่งรัดคดีเหตุเพลิงไหม้โรงแรมแกรนด์ ทาวเวอร์ อินน์ ย่านเจริญกรุง เขตคลองสาน เหตุเกิดเมื่อรุ่งเช้าวันที่ 27 ม.ค.ที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิต 1 ราย บาดเจ็บกว่า 10 ราย มีพ.ต.อ.ธงชัย บุญสมบัติ ผกก.สน.สำเหร่ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน และฝ่ายสืบสวนสน.สำเหร่ รายงานผลความคืบหน้าคดี
รายงานข่าวเปิดเผยว่า ชุดพนักงานสอบสวนสน.สำเหร่ สรุปความคืบหน้าคดีเพลิงไหม้เบื้องต้นว่า จากการสืบสวนสอบสวนสาเหตุที่เกิดเชื่อว่าเป็นการวางเพลิง เนื่องจากเกิดเพลิงไหม้ในโรงแรมรวมทั้งหมด 9 จุด เช่น ชั้น 8 ต้นเพลิงเกิดขึ้นที่บริเวณรถเข็นผ้า ชั้น 7 เกิดขึ้นที่ห้องควบคุมไฟ ชั้น 5 เกิดขึ้นที่รถเข็นผ้า ชั้นที่ 3 ก็มีเหตุเพลิงไหม้ รวมทั้งชั้นล่างเหตุเกิดบริเวณใต้หม้อแปลงไฟ และห้องเลขที่ 312 ห้องที่พบศพนายพงศกร หรือตี๋ บุญอร่าม พนักงานของโรงแรม เป็นต้น จากการตรวจสอบในห้องที่พบศพนายพงศกรนั้นต้นเพลิงเกิดขึ้นบริเวณเตียงและรอบๆ เตียง เป็นต้น
นอกจากนี้ จากการสืบสวนสอบสวนก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้ห้องเลขที่ 312 มีแขกผู้หญิงเข้ามาพัก 2 คน หลังจากติดตามมาสอบปากคำ ทราบว่าผู้หญิงทั้งคู่เช็กเอาต์ก่อนเกิดเหตุเพลิงไหม้โดยที่เปิดประตูทิ้งไว้ โดยทั้งคู่ยืนยันว่า ไม่ได้สูบบุหรี่และไม่ใช่เจ้าของไฟแช็กที่พบอยู่ข้างศพนายพงศกร ก่อนที่จะพบศพนายพงศกรประตูห้องล็อกต้องพังประตูเข้าไปจนพบศพดังกล่าว
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า พนักงานสอบสวนรายงานผลการสอบปากคำพยานแวดล้อมทราบว่า นายพงศกรมีอาการเครียด ซึ่งก่อนเกิดเหตุ 2 วัน นายพงศกรพูดกับพยานด้วยว่า รักโรงแรมนี้จะตายพร้อมกับโรงแรมนี้ และยังบอกกับพยานคนอื่นด้วยว่า วันนี้ไม่ต้องมาทำงานแล้ว เดี๋ยวอีกต่อไปก็จะไม่มีแล้วโรงแรมนี้ ฝ่ายสืบสวนตรวจสอบบ้านพักของนายพงศกร จากการตรวจค้นภายในห้องนอนพบข้อความเขียนว่า คนที่ชอบใช้อารมณ์จงคิดไว้เสมอว่า สิ่งได้กลับคืนมาจะต้องพินาศ พร้อมทั้งขีดเส้นใต้เอาไว้ โดยในที่ประชุมพนักงานสอบสวนสันนิษฐานว่า ผู้ตายอาจจะมีเรื่องบาดหมางบางอย่างกับทางโรงแรม
จากนั้น พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวภายหลังประชุมว่า ค่อนข้างชัดเจนว่านายพงศกรที่เสียชีวิตช่วงเกิดเหตุนั้นน่าจะเป็นผู้ที่วางเพลิง เพราะว่ามีพยานและหลักฐานหลายอย่าง แต่ตอนนี้สันนิษฐานแบบนี้ไว้ก่อน นอกจากนี้ก็สั่งการให้ไปเอาหลักฐานเพิ่มเติมทั้งหมดทั้งพยานบุคคล และกล้องวงจรปิดเพื่อให้ชัดเจนอีกครั้ง จากการตรวจค้นบ้านผู้ตายพบข้อความที่เขียนไว้ซึ่งค่อนข้างชัดเจนว่า นายพงศกรเจตนาที่จะทำเรื่องนี้เอง อย่างไรก็ตามต้องรอผลตรวจพิสูจน์อีกครั้งหนึ่ง จากการตรวจสอบจุดที่เกิดเหตุเพลิงไหม้ในโรงแรมต้นเพลิงเกิดขึ้นอย่างน้อย 8 จุด โดยทั้ง 8 จุดก็มีพยานบุคคลยืนยันว่า เห็นนายพงศกรผู้เสียชีวิตเดินเข้าไปในจุดที่เกิดเหตุทั้ง 8 จุด แต่ตนก็ไม่ได้ปรักปรำและไม่ได้รีบสรุปว่า นายพงศกรเป็นคนทำ ต้องดูการพิสูจน์หลักฐานและอย่างอื่นๆ ประกอบด้วย
เมื่อถามว่า ทั้ง 8 จุดนายพงศกรทำเพียงคนเดียวหรือไม่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า มีพยานเห็นว่าเขาเดินเข้าไปในจุดเหล่านั้น แต่เรายังตรวจสอบไม่ได้ว่า นายพงศกรเป็นคนจุดไฟหรือไม่ แต่ห้องที่นายพงศกรเสียชีวิตนั้นพบไฟแช็กและเตียงก็มีรอยไหม้อยู่ด้วย ผู้ที่มาเช่าห้องดังกล่าวก็ไม่ได้เป็นคนที่สูบบุหรี่
เมื่อถามว่า นายพงศกรมีเรื่องทะเลาะขัดแย้งกับทางโรงแรมหรือไม่ พล.ต.ท.คำรณวิทย์กล่าวว่า มีบ้าง ขณะนี้ก็ได้สั่งการให้สอบปากคำประเด็นดังกล่าวแล้ว ข้อความที่นายพงศกรเขียนไว้ที่บ้านก็มีส่วนชี้ได้ว่าเขาน่าจะเป็นคนทำ คิดว่าข้อความที่เขียนนั้นหมายความได้ว่า นายพงศกรเขียนลักษณะว่าผูกพันกับโรงแรมนี้มาก และเคยพูดว่า มันน่าจะวอดวายไปพร้อมกับตัวเขา นายพงศกร ยังพูดกับเพื่อนพนักงานด้วยว่า โรงแรมนี้ต้องจบไปทำงานที่อื่นเถอะ ทำงานที่นี่ไม่ได้อีกต่อไป
ก่อนหน้านั้นช่วงเช้า พ.ต.อ.ธงชัย บุญสมบัติ ผกก.สน.สำเหร่ พ.ต.ท.ภัสพงษ์ บุตรไทย รอง ผกก.สส. พ.ต.ท.สายชล ปัญจชัย สว.สส. เดินทางไปที่บก.น.8 เพื่อรายงานความคืบหน้าผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ต่อพล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว ผบ.ตร. ว่า หลังจากเกิดเหตุพนักงานสอบสวนได้สอบปากคำนางมณีรัตน์ ตะเภาทอง พี่สาวนายพงศกร ซึ่งนางมณีรัตน์ให้การว่า เมื่อวันที่ 26 ม.ค. เวลาประมาณ 7 โมง ผู้ตายโทรศัพท์มาคุยด้วยและบอกว่าเครียดเรื่องงาน แต่ไม่ได้บอกรายละเอียดว่าเครียดเรื่องอะไร ก่อนที่ผู้ตายจะวางสายไป จากนั้นนางมณีรัตน์โทรศัพท์ไปหานางอาภัสรา ตะเภาทอง พี่สาวอีกคน แล้วนางอาภัสราโทรศัพท์ไปหาผู้ตายสอบถามว่าเครียดเรื่องอะไร ซึ่งผู้ตายตอบว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้วอยากกลับบ้าน จ.นครนายก ก่อนวางสาย
พนักงานสอบสวนยังสอบปากคำนางชนกชนม์ สุขขจรวงษ์ ผู้พักห้องเลขที่ 312 ของโรงแรมเกิดเหตุ ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุเวลาประมาณ 22.00 น. วันที่ 26 ม.ค. ได้เช็กอินที่ห้องพักดังกล่าวพร้อมกับเพื่อนไกด์ชาวจีน 1 คน จากนั้นเดินออกไปซื้อของที่ร้านสะดวกซื้อและกลับมายังห้องพัก กระทั่งประมาณ 01.00 น. วันที่ 27 ม.ค. ได้ยินเสียงกริ่งสัญญาณเตือนอัคคีภัยดังขึ้น จึงเปิดประตูมาดูพบห้องข้างเก็บกระเป๋าเสื้อผ้าออกจากห้อง จึงปลุกเพื่อนพากันมาอยู่บริเวณล็อบบี้ชั้น 2 ระหว่างทางที่เดินลงมาพบว่าชั้น 3 และชั้น 2 ยังเกิดเพลิงไหม้ จากนั้นนึกขึ้นได้ว่าลืมของไว้ที่ห้องพักจึงวิ่งกลับเข้าไปเอาเมื่อไปถึงห้องพักยังไม่พบเพลิงลุกไหม้ภายในห้อง เมื่อได้ของจึงรีบออกมาโดยไม่ได้ล็อกประตูไว้ ระหว่างเดินลงมาจากบันไดหนีไฟพบเห็นแสงเพลิงบริเวณชั้น 3 และชั้น 2 จากด้านหลังของโรงแรมพร้อมกับเสียงระเบิดดังขึ้น
สอบสวนนายสงกรานต์ จันทร์เดช รปภ.คอนโด เออวาโน่ แอบโซลูท ซึ่งกำลังก่อสร้างใกล้เคียง ให้การว่า ก่อนเกิดเหตุขณะเดินไปปัสสาวะ พบดับเพลิงขนาดเล็กสีแดงที่ติดตามอาคารน้ำหนักประมาณ 5 ก.ก. ตกลงมาจากอาคารที่เกิดเหตุ ห่างจากตนประมาณ 1 เมตร จากนั้นไม่นานได้ยินเสียงสัญญาณเตือนอัคคีภัยดังขึ้น และก็เกิดเหตุเพลิงไหม้ดังกล่าว
นอกจากนี้ ในที่เกิดเหตุยังพบหลักฐานคือดับเพลิงตกอยู่บริเวณข้างโรงแรม 1 ถัง ไฟแช็กในห้องน้ำซึ่งอยู่ใกล้ศพผู้ตายตกอยู่ 1 อัน และปืนจุดเตาแก๊ส ตกอยู่บริเวณใกล้กับถังแก๊สซึ่งตั้งอยู่ห่างจากห้องเก็บของไม่กี่เมตร
ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นที่บ้านเลขที่ 757 ซอยจรัญสนิทวงศ์ 12 แขวงวัดท่าพระ เขตบางกอกใหญ่ ของนายพงศกรที่ฝาผนังห้องนอนพบข้อความเขียนไว้ใจความว่า คนที่ชอบใช้อารมณ์ จงคิดไว้เสมอว่า สิ่งที่ได้กลับคืนมา จะต้องพินาศ
จากการสอบสวนนางชนกชนม์อีกครั้ง ทราบว่านางชนกชนม์และเพื่อนไม่ได้เป็นคนสูบบุหรี่และไม่มีไฟแช็ก เชื่อว่าไฟแช็กในห้องน่าจะเป็นของผู้ตาย ส่วนผู้ตายจะเป็นคนวางเพลิงหรือไม่นั้น ต้องรอผลพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และตรวจสอบกล้องวงจรปิดอย่างละเอียดอีกครั้ง จึงจะทราบว่าผู้ตายเป็นคนลงมือหรือไม่ เพียงแต่ตอนนี้ผู้ตายเป็นเพียงผู้ต้องสงสัยอันดับหนึ่งเท่านั้น