เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก nasa.gov
นาซา ชี้ ก้อนมวลสารโคโรน่า (CME) จากดวงอาทิตย์ จะพุ่งชนโลกภายใน 1 - 3 วัน อาจส่งผลให้ระบบไฟฟ้าของโลกรวมถึงระบบดาวเทียมมีปัญหา เตือนประเทศต่าง ๆ เตรียมรับมือ
เมื่อวันที่ 23 มกราคม ที่ผ่านมา เว็บไซต์ขององค์การนาซา หรือ สำนักงานบริหารอวกาศและการบินแห่งชาติสหรัฐฯ ได้รายงานว่าจากการศึกษาและวิจัยด้วยวิธีการสังเกตการณ์ถึงความสัมพันธ์ระหว่างแสงอาทิตย์ในชั้นบรรยากาศและผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมของโลก ได้พบว่า เกิดอนุภาคพลังงานสูงจำนวนมากพวยพุ่งออกมาจากกลดสุริยะ หรือ โคโรน่า ของดวงอาทิตย์ เป็นเหตุให้เกิดก้อนมวลสารโคโรนา (CME) จำนวนมหาศาลจากดวงอาทิตย์ กำลังมุ่งหน้ามายังโลกของเราด้วยความเร็วสูง ราว 375 ไมล์ต่อวินาที และคาดว่าจะถึงชั้นบรรยากาศของโลกภายใน 1 - 3 วันข้างหน้า พร้อมเตือนประเทศต่าง ๆ เตรียมหาทางรับมือกับผลกระทบที่จะตามมา
ด้านผู้เชี่ยวชาญด้านดวงอาทิตย์ของนาซา ระบุว่า ซีเอ็มอีซึ่งเกิดจากอนุภาคพลังงานสูงจำนวนมากที่พุ่งออกมาจากโคโรนาของดวงอาทิตย์นั้น สามารถเทียบได้กับระเบิดปรมาณูที่กองทัพสหรัฐฯ ใช้ทำลายเมืองฮิโรชิมาของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 นับแสนล้านลูก และเมื่อซีเอ็มอีเคลื่อนตัวพุ่งเข้ามาปะทะกับชั้นสนามแม่เหล็กของโลก หรือ "แมกนีโทสเฟียร์" จะส่งผลให้เส้นแรงแม่เหล็กของโลกเกิดการยุบตัวลง และอาจก่อให้เกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า "พายุแม่เหล็กโลก" ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบส่งกำลังไฟฟ้าผ่านสายไฟฟ้าบนพื้นโลกทำให้อาจไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ และอาจทำให้เกิดปัญหาไฟฟ้าดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่หลายส่วนของโลก นอกจากนั้น พลังงานจากซีเอ็มอี ยังสามารถทำลายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บนดาวเทียม หรือยานสำรวจอวกาศต่าง ๆ รวมถึงระบบนำทางจีพีเอสได้