ฮือคัดค้าน แผนรวม รร.มัธยม กับประถม เฉือน"งด."

ประท้วง - ครูและผู้ปกครองหลายร้อยคนแต่งชุดดำประ ท้วงผู้บริหารโรงเรียนอัสสัมชัญบางรักที่จะยุบแผนกประถมไปรวมกับมัธยม และตัดเงินค่าครองชีพครู จนทางผอ.ต้องประกาศหยุดเรียน 8 วัน เมื่อวันที่ 25 ม.ค.

"อัสสัมชัญ" วุ่นหนัก ผอ. โรงเรียนสั่งปิด เรียนกะทันหัน หนีม็อบไล่ไปจนถึงวันที่ 1 ก.พ. ด้านกลุ่มผู้ปกครอง-ครูที่แต่งดำมาประท้วง วางหรีดหน้าโรงเรียน พร้อมอ่านแถลงการณ์เรียกร้อง 4 ข้อ ให้เปิดเรียนตามปกติ ปลด"ภราดาอานันท์ ปรีชาวุฒิ "ออกจากตำแหน่งผอ. เลิกควบรวมมัธยม-ประถม และคืนค่าครองชีพ-ค่าวิชาชีพให้ครู หลังจากนั้นเดินสายร้องรมว.ศธ. ด้านเลขาธิการ กช.เผย หากฝ่ายบริหารคุมสถานการณ์ไม่ได้ จะเข้าไปควบคุมแทน ส่วนพนง.แบงก์กรุงเทพก็แต่งดำประท้วง ปรับเงินเดือนไม่เป็นธรรม-ทวงโบนัส



เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 25 ม.ค. ที่โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกมัธยม ถ.เจริญกรุง เขตบางรัก กลุ่มครูปัจจุบัน อดีตครู กลุ่มศิษย์เก่า และผู้ปกครอง ประมาณ 300 คน ร่วมกันแต่งชุดดำ รวมตัวประท้วงภายในโรงเรียน เพื่อยื่นข้อเรียกร้องต่อภราดาอานันท์ ปรีชาวุฒิ ผู้อำนวยการโรงเรียนอัสสัมชัญ ภายหลังจากทางอัสสัมชัญแผนกประถม และมัธยมศึกษาปิดโรงเรียน ระหว่าง วันที่ 25 ม.ค.-1 ก.พ. โดยไม่ได้แจ้งให้ผู้ปกครองและนักเรียนทราบล่วงหน้า มีเพียงป้ายประกาศขนาดใหญ่มาติดหน้าประตูทางเข้าโรงเรียน และให้ติดตามรายละเอียดในเว็บไซต์ของโรงเรียนเท่านั้น



ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับป้ายประกาศขนาดสูง 1 เมตร มีข้อความว่า "โรงเรียนอัสสัมชัญ และอัสสัมชัญ แผนกประถม ประกาศปิดเรียนเป็นกรณีพิเศษ ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. ถึงวันศุกร์ที่ 1 ก.พ. พ.ศ.2556 เนื่องจากมีกลุ่มผู้ไม่ประสงค์ดีต่อโรงเรียนวางแผนและนัดหมายกันจะเข้ามาก่อความวุ่นวายภายในบริเวณโรงเรียน จนอาจถึงขั้นที่โรงเรียนไม่สามารถดูแลความปลอดภัยและสวัสดิภาพของนักเรียนได้ ตลอดจนความเสียหายที่จะเกิดต่อทรัพย์สินของสถาบัน จึงขอประกาศหยุดการเรียนการสอนเป็นกรณีพิเศษมาให้ทราบโดยทั่วกัน ประกาศมา ณ วันที่ 25 มกราคม พ.ศ.2556



ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ด้านกลุ่มศิษย์เก่าในนามกลุ่มกู้อัสสัมชัญ และกลุ่มผู้ประท้วง จึงนำพวงหรีดไปแขวนไว้ที่ประตูทางเข้าเพื่อประท้วงภราดาอานันท์ ทำให้เกิดความวุ่นวายไปทั่วบริเวณหน้าโรงเรียน และทำให้การจราจรติดขัดเนื่องจากโรงเรียนมีการปัจฉิมนิเทศจบการศึกษาของนักเรียนชั้นม.6 โดยมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสน.บางรัก มาคอยดูแลความเรียบร้อย



จากนั้นเวลา 11.00 น. แกนนำกลุ่มคณะครูโรงเรียนอัสสัมชัญฯ ศิษย์เก่า และผู้ปกครอง นำโดยนายศุภโชค โฆษ์วงศ์ ประธานกลุ่มกู้อัสสัมชัญ มิสสุภาวดี คำฝึกฝน หัวหน้ากลุ่มสาระวิชาภาษาไทย โรงเรียนอัสสัมชัญ แผนกประถม มาสเซอร์ไพฑูรย์ กระโทกนอก หัวหน้าฝ่ายวิชาการ แผนกประถม มาสเซอร์ประดิษฐ์ ชัยปรีชา ตัวแทนครูมัธยม ร่วมกันออกแถลงการณ์



มิสสุภาวดีเปิดเผยว่า ไม่ทราบเรื่องการปิดโรงเรียนแต่อย่างใด เพิ่งมาทราบตอนประมาณตี 5 อีกทั้งวันนี้มีการนัดหมายมายื่นหนังสือกับผู้อำนวยการเพื่อปรับเงินเดือน เนื่องจากเคยให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อว่า ครูของโรงเรียน 450 คน มีเงินเดือนเกิน 15,000 บาททุกคน แต่ความเป็นจริงไม่ใช่อย่างนั้น จึงมีการนัดหมายกันมาในวันนี้ แต่ก็มามีคำสั่งด่วนให้ประกาศปิดเรียนเป็นกรณีพิเศษ ทั้งนี้ จะไปยื่นหนังสือเรียกร้องต่อ มูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลประเทศไทย และสำนักงานการศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทยเพื่อให้เปิดเรียนตามปกติ เนื่องจากเกรงว่าจะกระทบการเรียนของนักเรียนเพราะจะสอบปลายเดือนนี้ด้วย



มิสสุภาวดีกล่าวด้วยว่า ตามที่ผู้อำนวยการโรงเรียนสั่งตัดค่าวิชาชีพของครูโรงเรียนอัสสัมชัญฯ ตั้งแต่การจ่ายเงินเดือนงวดเดือนม.ค. โดยไม่มีเหตุผลสมควร การกระทำดังกล่าวบั่นทอนขวัญและกำลังใจของครูทุกคน ที่ทุ่มเททำงานให้โรงเรียน ตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี สร้างความเดือดร้อนแก่ครูทุกคน เพราะต้องรับผิดชอบค่าใช้จ่ายต่างๆ แต่รายได้กลับลดลง โดยครูได้ลงชื่อเพื่อให้ผอ.โรงเรียนอัสสัมชัญแก้ไขอย่างเร่งด่วน จากเหตุผลเหล่านี้ทำให้ครูนัดรวมตัวกัน แต่ก็มีการสั่งปิดโรงเรียนเพื่อหนีการเจรจา ทำให้กระทบการเรียนการสอน แสดงถึงวุฒิภาวะผู้นำที่บกพร่อง



มิสสุภาวดีกล่าวต่อว่า ทางคณะครูจึงขอให้ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องดำเนินการ ดังนี้ 1.เปิดการเรียนการสอนตามปกติในวันที่ 28 ม.ค.นี้ 2.ให้ปลดภราดาอานันท์ ออกจากตำแหน่งผอ.โรงเรียน ทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข และส่งภราดาที่เคยดำรงตำแหน่งอธิการโรงเรียนมารักษาการแทน 3.ยกเลิกความคิดที่จะควบรวมโรงเรียนอัสสัมชัญประถมและมัธยม 4.คืนค่าวิชาชีพและค่าครองชีพตั้งแต่เดือนพ.ค.55 จนถึงปัจจุบัน และยังคงให้ไว้ตลอดไป และ 5.ปรับฐานเงินเดือนของบุคลากรทุกคนตามที่ประกาศมูลนิธิคณะเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทยที่ 1/2555 ลงวันที่ 12 ส.ค.55



ขณะที่มาสเซอร์ณรงค์ วีระประจักษ์ หัวหน้าระดับชั้น ม.6 และตัวแทนคณะกรรมการสถานศึกษา กล่าวว่า ขณะนี้ทุกคนไม่ทราบเหตุผลว่าเหตุใดผอ.สั่งปิดโรงเรียน และไม่ทราบว่าการปิดโรงเรียนเกี่ยวข้องกับการที่คณะครูจะเข้ายื่นหนังสือเรียกร้องเพื่อให้ยกเลิกการตัดค่าครองชีพ 1,500 บาท และคืนค่าวิชาชีพ 2,000 บาทให้กับครูทุกคน เพื่อให้ถูกต้องตามกฎหมาย รวมทั้งจะต้องปรับฐานเงินเดือนตามประกาศมูลนิธิคณะเซนต์ คาเบรียลแห่งประเทศไทย มีผลย้อนหลังตั้งแต่ วันที่ 1 ม.ค. 55 หรือไม่ การที่ผอ.โรงเรียนระบุผ่านทางสื่อมวลชนว่า สาเหตุที่ไม่ปรับฐานเงินเดือนให้ครูนั้น เพราะครูทั้ง 450 คน ได้เงินเดือนเกิน 15,000 บาท แล้วนั้น ไม่เป็นความจริง เพราะปัจจุบันมีครูอีกหลายคนที่ยังได้รับเงินเดือนไม่ถึง 15,000 บาท และจะให้ครูเก่าได้เงินเดือนเท่ากับครูที่เข้ามาใหม่ก็จะไม่ยุติธรรม จึงควรปรับฐานเงินเดือนให้ครูเก่าด้วย



ด้านนายศุภโชค โฆษ์วงศ์ ตัวแทนกลุ่มกู้อัสสัมชัญ กล่าวว่า โรงเรียนอัสสัมชัญกำลังอยู่ในภาวะวิกฤต เนื่องจากเกิดปัญหาความวุ่นวาย และความตกต่ำในหลายเรื่อง อาทิ นโยบายการรับนักเรียนได้มุ่งเน้นไปที่การพิจารณาเงินบำรุงมาก กว่าคุณภาพของนักเรียน ทำให้คุณภาพนักเรียนตกต่ำลงอย่างมาก นอกจากนี้ นักเรียนและผู้ปกครองไม่เชื่อมั่นในนโยบายโรงเรียน ที่มาจากผู้บริหารทำให้มีนักเรียนลาออกไปศึกษาที่อื่นเป็นจำนวนมาก



ตัวแทนกลุ่มกู้อัสสัมชัญกล่าวต่อว่า คณะครูไม่ยอมรับในตัวผอ.โรงเรียน เพราะทำลายขวัญและกำลังใจของคณะครูจนหมดสิ้น จากการไม่ขึ้นเงินเดือนตามประกาศของมูลนิธิฯ และตามประกาศของสำนักงานส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ซึ่งเป็นการเอารัดเอาเปรียบครู ทำให้ในปีการศึกษานี้มีครูลาออกไปแล้วเกือบ 20 คน และยังมีการลงทุนในโครงการอัสสัมชัญพระราม 2 อย่างเกินตัว ทำให้เกิดความสงสัยว่าโรงเรียนกำลังประสบปัญหาการเงินหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ต้องการให้ภราดาอานันท์ยอมรับปัญหาเหล่านี้ และลาออกจากตำแหน่ง



ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ภายหลังอ่านแถลง การณ์จบ กลุ่มผู้ประท้วงได้เดินทางไป ที่กระ ทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เพื่อยื่นหนังสือร้องเรียนต่อนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ศธ. โดยนายพงษ์เทพได้รับเรื่องไว้และแจ้งว่าจะให้ทางสำนัก งานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (สช.) ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่อไป



ด้านนายชาญวิทย์ ทับสุพรรณ รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน (กช.) เปิดเผยว่า ตามที่สื่อโทรทัศน์ วิทยุ รายงานข่าวเกี่ยวกับการเลิกกิจการของ ร.ร.อัสสัมชัญแผนกประถม เขตสาทร โดยนักเรียน ครู และบุคลากรทางการศึกษา ทั้งหมดต้องย้ายไปรวมกับร.ร.อัสสัมชัญ เขตบางรัก แทน ส่งผลให้คณะครูร.ร.อัสสัมชัญแผนกประถม รวมตัวการแต่งชุดดำประท้วงผู้อำนวยการร.ร.อัสสัม ชัญนั้น ขอชี้แจงว่าข้อเท็จจริงที่ สช. ได้รับรายงานมานั้นมีความคลาดเคลื่อนกัน เนื่องจากเป็นการรวมโรงเรียนเข้าด้วยกัน ไม่ได้ยกเลิกกิจการ และให้แผนกประถมไปรวมกับร.ร.อัสสัมชัญ เขตบางรัก



"มูลนิธิเซนต์คาเบรียลแห่งประเทศไทย ในฐานะผู้รับใบอนุญาตให้จัดตั้งโรงเรียนทั้งสองแห่ง ได้มีมติที่จะรวมแผนกประถมและมัธยมเข้าด้วยกัน พร้อมแจ้งให้ผู้บริหารโรงเรียนได้ทราบล่วงหน้าแล้ว ซึ่งในทางปฏิบัติถือว่าทำได้เพราะในอำนาจเนื่องจาก พ.ร.บ.โรงเรียนเอกชนพ.ศ.2550 และแก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่2) พ.ศ.2554 กำหนดให้โรงเรียนเป็นนิติบุคคล อย่างไรก็ตามการรวมกิจการจะต้องไม่กระทบผู้บริหาร ครู นักเรียน และผู้ปกครอง ซึ่งผมได้รับการยืนยันจากคณะผู้บริหารว่าเมื่อรวมกิจการแล้วยังคงสอนอยู่ที่เดิม คือประถมสอนที่สาทร ส่วนมัธยมสอนที่บางรัก โดยจะเปลี่ยนมาใช้ชื่อเดียวกันคืออัสสัมชัญและตัดคำว่าแผนกประถมออกไป ซึ่งโดยรวมกิจการจะไม่กระทบครู บุคลากร ตลอดจนนักเรียน แต่จะกระทบฝ่ายบริหาร เพราะจากเดิมมีอยู่สองชุด จะต้องเหลือเพียงชุดเดียว" นาย ชาญวิทย์กล่าว



นายชาญวิทย์กล่าวต่อว่า กฎกระทรวงศึกษาธิ การ เกี่ยวกับการขอเพิ่มที่ดินยังระบุให้สามารถรวมกิจการโรงเรียนได้ หากสถานที่ตั้งห่างกันไม่เกิน 3 กิโลเมตร ซึ่งอัสสัมชัญทั้งสองโรงห่างกันแค่ 1.7 กิโลเมตรเท่านั้น ดังนั้นมูลนิธิจึงดำเนินการโดยยืนยันว่าได้ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการบริหาร พร้อมทำความเข้าใจกับผู้ปกครองนักเรียนให้ทราบแล้วประมาณ 1 ปี ทั้งนี้ ร.ร.อัสสัมชัญ เขตบางรัก ได้จัดทำตราสารจัดตั้งโรงเรียน และแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารโรงเรียนแล้ว หากได้รับการพิจารณาอนุญาตให้เลิกกิจการ โรงเรียนจะดำเนินการขอเปลี่ยนแปลงตราสารจัดตั้ง พร้อมขอเพิ่มเนื้อที่ดินที่ไม่ติดต่อกันต่อไป



"ประเด็นนี้เป็นความขัดแย้งภายในโรงเรียน ซึ่งจนถึงเวลานี้โรงเรียนยังไม่ได้ยื่นหนังสือขอเลิกกิจการเพื่อรวมกิจการแต่อย่างใด และหากยื่น มาแล้ว สช.คงต้องพิจารณาอีกครั้ง เพราะหากพิจารณาแล้วยังมีครูเดือดร้อน ก็คงอนุญาตไม่ได้ อย่างไรก็ตามได้มอบหมายให้เจ้าหน้าที่ สช.เดินทางไปหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเบื้องต้นแล้ว ส่วนการที่โรงเรียนอ้างว่าป้องกันเหตุการณ์ความไม่สงบจึงขอปิดโรงเรียนระหว่างวันที่ 25 ม.ค.-1 ก.พ.นั้น ถือว่าทำได้เพราะเป็นอำนาจของโรงเรียนที่จะพิจารณาหยุดเรียนได้ไม่เกิน 7 วัน หากพบว่าอาจเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวาย แต่หากฝ่ายบริหารโรงเรียนไม่สามารถควบคุมสถานการณ์ได้ สช.จะเข้าไปควบคุมแทนในฐานะเจ้าพนักงาน เพื่อให้การเรียนการสอนดำเนินต่อไปได้ตามกำหนด" นายชาญวิทย์กล่าว



วันเดียวกัน เมื่อเวลา 12.00 น. สหภาพแรงงานธนาคารกรุงเทพ และพนักงาน พร้อมใจกันแต่งชุดสีดำจำนวนหลายร้อยคนและมารวมตัวกันที่ลานบัว หน้าอาคารธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่ สีลม เพื่อกดดันฝ่ายบริหารของธนาคารให้ดำเนินการตามข้อเรียกร้องคือ 1.ขอคืนเงินโบนัส 4 เดือนเหมือนเดิม จากปัจจุบันจ่าย 3 เดือน 2.ขอคืนอัตราขึ้นเงินเดือนร้อยละ 6 เท่ากันทั้งธนาคาร หลังจากที่ปรับให้พนักงานประจำร้อยละ 3 การตลาดฝ่ายขายร้อยละ 6 3.ขอคืนเงินหลังเกษียณที่ 4.5 แสนบาทต่อราย จากปัจจุบันจ่าย 3 แสนบาทต่อราย และ 4.แก้ไขการจ่ายคืนเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพเป็นร้อยละ 7 เท่ากันทั้งธนาคาร จากปัจจุบันคิดเป็นอันดับขั้น หลังจากล่าสุดเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมาผลการไกล่เกลี่ยระหว่างฝ่ายบริหารกับตัวแทนสหภาพ ที่กระทรวงแรงงานไม่ได้ข้อสรุป โดยมีตัวแทนสหภาพแรงงานธนาคารไทยพาณิชย์ สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบิน ไทย เข้ามอบดอกไม้ให้กำลังใจ ขณะที่การให้บริการธุรกรรมการเงินแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการของธนาคารสาขาสำนักงานใหญ่ยังเป็นไปตามปกติ



นายชัยวัฒน์ มาคำจันทร์ ประธานสหภาพ แรงงาน ธนาคารกรุงเทพ กล่าวว่า ผลการไกล่เกลี่ยเมื่อวันที่ 24 ม.ค.ที่ผ่านมาไม่ได้ข้อสรุป สะท้อนว่าฝ่ายบริหารไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ ทางสหภาพจึงจะนัดสมาชิกมาหารือเพื่อกำหนดท่าทีว่าจะเดินหน้าต่อไปอย่างไร และนับจากนี้ไปจะนัดกันแต่งชุดดำจนกว่าข้อเสนอจะบรรลุผลสำเร็จ ขณะเดียวกันก็พร้อมที่จะเจรจากับผู้บริหารที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ทั้งนายชาติศิริ โสภณพนิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ หรือนายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร เนื่องจากที่ผ่านมาฝ่ายบริหารเพียงแต่ส่งตัวแทนที่ไม่มีอำนาจตัดสินใจมาเจรจาเท่านั้น



อย่างไรก็ตาม ทางสหภาพจะนัดชุมนุมกันอีกครั้งในวันที่ 29 ม.ค.นี้ ซึ่งยังไม่ได้พิจารณาว่าจะยกระดับการชุมนุมด้วยการเพิ่มจำนวนวันหรือเวลาในการชุมนุมหรือไม่ เพราะอยากให้คำนึงถึงเรื่องการพิจารณาเงินค่าตอบแทนตามข้อเรียกร้องที่เสนอไปก่อน โดยสหภาพมีกำหนดการนัดไกล่เกลี่ยข้อพิพาทกับผู้บริหารในวันที่ 31 ม.ค.อีกครั้ง