เอพีรายงานว่า สมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (ยูเอ็นเอสซี) ทั้ง 15 ประเทศมีมติเป็นเอกฉันท์ ประณามการส่งจรวดของเกาหลีเหนือเมื่อเดือนที่แล้ว โดยมองว่าเป็นการทดลองขีปนาวุธอย่างอำพราง พร้อมกำหนดบทลงโทษเพิ่มหลายประการ เช่น อายัดทรัพย์สินของหน่วยงานต่างๆ ห้ามเจ้าหน้าที่จำนวนหนึ่งไปเยือนประเทศสมาชิก และต่ออายุการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ อีก 4 ปี นอกจากนี้ยังเรียกร้องให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์ทันที และขู่ว่าถ้าหากรัฐคอมมิวนิสต์แห่งนี้ยังพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ ยูเอ็นเอสซีจะพิจารณาบทลงโทษเพิ่มเติมในอนาคต



ด้านเกาหลีเหนือแถลงว่ามติของยูเอ็นเอสซีเป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศ โดยค้านว่าการ ยิงจรวดเมื่อเดือนธ.ค. ปี 2555 เป็นการส่งดาวเทียมสู่วงโคจรอย่างสันติ และกล่าวว่าเกาหลีเหนือจะยัง เดินหน้าเสริมสร้างแสนยานุภาพกองทัพต่อไป รวมทั้งสร้างคลังอาวุธนิวเคลียร์เพื่อป้องกันข้าศึกรุกรานประเทศ พร้อมชี้ว่าเกาหลีเหนือจะไม่ใช้น้ำลายต่อสู้กับการข่มขู่ของสหรัฐ แต่จะใช้อาวุธ



"การเจรจาเพื่อสร้างสันติภาพและความมั่นคงในคาบสมุทรเกาหลีนั้นเป็นไปได้ แต่การเจรจาเพื่อให้ประเทศของเรายุติโครงการนิวเคลียร์นั้นเป็นไปไม่ได้" แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ



ถ้อยแถลงดังกล่าวมีขึ้นไม่นานหลังหลายสำนักข่าวรายงานว่า ดาวเทียมสอดแนมของเกาหลีใต้ตรวจพบกิจกรรมน่าสงสัยรอบฐานทดลองนิวเคลียร์ในเกาหลีเหนือ ทำให้มีความกังวลว่าเกาหลีเหนืออาจเตรียมทดลองระเบิดปรมาณูในไม่ช้า ทั้งนี้ สหรัฐและชาติตะวันตกพยายามกดดันให้เกาหลีเหนือกลับสู่โต๊ะเจรจา 6 ฝ่ายเพื่อล้มเลิกโครงการนิวเคลียร์มาตลอด หลังจากที่เกาหลีเหนือล้มโต๊ะไปเมื่อปี 2552



เอเอฟพียังตั้งข้อสังเกตว่าจีนโหวตรับรองมติยูเอ็นเอสซีครั้งนี้ ทั้งที่จีนเป็นพันธมิตรหลักของเกาหลีเหนือมาตลอด ซึ่งอาจบ่งบอกถึงความรำคาญใจของทางการจีนต่อพฤติกรรมยั่วยุของเกาหลีเหนือบ่อยครั้ง ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนระบุว่าเกาหลีเหนือควรเคารพมติของสหประชาชาติ และว่าวิกฤตครั้งนี้ควรแก้ไขด้วยการพูดคุย โดยแนะนำให้เกาหลีเหนือร่วมการเจรจา 6 ฝ่ายอันประกอบด้วย สหรัฐ จีน เกาหลีเหนือ เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และรัสเซีย อีกครั้ง