ล่าพนง.แบ๊งก์หญิงธ.กรุงไทยนครพนม-เชิดเงินตู้เอทีเอ็ม9ล้านหนีไปกับแฟนหนุ่ม

จากกรณีเมื่อค่ำวันที่ 21 ม.ค.ที่ผ่านมา นายสุทธิพงษ์ บุญปรก อายุ 41 ปี ผจก.ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขานครพนม เข้าแจ้งความกับพ.ต.ท.ปราโมทย์ อุทากิจ พงส.(สบ 2) สภ.เมืองนครพนม ว่า เงินสดหายไปจากตู้เอทีเอ็ม 3 ตู้ รวมจำนวน 8,926,200 บาท และน.ส.จุฑามาศ สุวรรณบำรุง อายุ 28 ปี พนักงานฝ่ายบริการลูกค้าของธนาคาร ผู้ถือกุญแจพร้อมรหัสตู้เอทีเอ็มได้หายตัวไปอย่างไม่ทราบสาเหตุตั้งแต่เช้าวันที่ 21 ม.ค. คาดว่าน่าจะเป็นคนร้าย


 

 

ความคืบหน้าเกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 22 ม.ค. พล.ต.ต.ชูรัตน์ ปานเหง้า ผบก.ภ.จ.นครพนม เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำพยานหลายปาก พร้อมกับรวบรวมหลักฐานจนสามารถออกหมายจับน.ส.จุฑามาศ สุวรรณบำรุง พนักงานหญิงของธนาคาร และนายศุภเชษฐ์ ชนะชัย อายุ 30 ปี นักวิเคราะห์นโยบายและแผน สำนักงานเขตพื้นที่ประถมศึกษา นครพนม เขต 2 แฟนหนุ่ม ซึ่งมีที่พักอยู่อ.ศรีสงคราม จ.นครพนม

 


 

 

ผบก.ภ.จ.นครพนม กล่าวต่อว่า ภายหลังจากสอบพยานรวม 4 ปาก จนมั่นใจว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือน.ส.จุฑามาศ เนื่องจากเป็นผู้เข้าเวรถือกุญแจตู้เอทีเอ็มและรหัสช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมา คาดว่าใช้กุญแจไขตู้เอาเงินสดจำนวน 8,926,600 บาทตอนเย็นวันศุกร์ ต่อมาเจ้าหน้าที่ธนาคารตรวจสอบย้อนหลังพบว่ามีรายการโอนเงินจำนวน 1,700,000 บาท เข้าบัญชีนายศุภเชษฐ์ แฟนหนุ่มในอ.ศรีสงคราม

 


 

 

ผบก.ภ.จ.นครพนม กล่าวอีกว่า สาเหตุที่ทางธนาคารเอะใจก่อนจะพบความจริง เกิดจากตอนสายของวันจันทร์ที่ 21 ม.ค. เงินลูกค้าติดขัดในตู้เอทีเอ็ม ผู้บริหารจึงตามหาผู้เข้าเวรถือกุญแจและรหัสตู้ช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ ปรากฏว่าพบกุญแจเปิดตู้เงินวางอยู่บนโต๊ะทำงานน.ส.จุฑามาศ แต่เมื่อโทรศัพท์ติดตามตัวกลับปิดเครื่องติดต่อไม่ได้นับแต่นั้น นำมาสู่การตรวจสอบย้อนหลังของธนาคารและเข้าแจ้งความกับตำรวจ

 


 

 

ผบก.ภ.จ.นครพนม กล่าวด้วยว่า จากการสืบสวนสอบสวนทราบว่า น.ส.จุฑามาศหลังก่อเหตุได้หลบหนีไปพร้อมกับนายศุภเชษฐ์ แฟนหนุ่ม โดยใช้รถเก๋งวีออส สีขาว ทะเบียน ฑฌ 8163 กทม.ของฝ่ายหญิง พร้อมกับเงินสดที่เหลืออีกประมาณ 7,200,000 บาท ส่วนสาเหตุที่พนักงานธนาคารรายนี้กลายเป็นโจรเสียเอง อาจเป็นเพราะความบกพร่องของธนาคาร เนื่องจากก่อนหน้านี้ระเบียบของธนาคารจะต้องมีผู้เข้าเวรถือกุญแจและรหัสตู้เอทีเอ็ม 2 คน แต่หลังจากเดือนต.ค.2555 เป็นต้นมา ทราบว่าทางธนาคารจัดเวรสลับหน้าที่จนเหลือพนักงานดูแลกุญแจและรหัสตู้เอทีเอ็มเพียง 1 คนเพื่อความสะดวกแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ ซึ่งจะสอบสวนเพิ่มเติมว่ามีผู้อื่นรู้เห็นเป็นใจและมีส่วนร่วมก่อเหตุอีกด้วยหรือไม่

 


 

 

ด้านพ.ต.ท.ปราโมทย์ เจ้าของคดี กล่าวว่า พนักงานสอบสวนยังไม่ได้ตรวจสอบเอกสารของธนาคาร กรณีออกระเบียบใหม่และจัดเวรผู้ถือกุญแจและรหัสตู้เอทีเอ็ม ตามที่เจ้าหน้าที่ธนาคารให้การไว้ โดยส่วนตัวฝ่ายหญิงไม่มีปัญหาเรื่องการเงิน แต่เป็นแฟนหนุ่มที่มีปัญหาด้านการเงิน ซึ่งมีข้อมูลว่าฝ่ายชายมีหนี้สินจำนวนมาก จึงอาจทำให้ฝ่ายหญิงคิดสั้นทุจริตต่อหน้าที่ตัวเองฉกเงินของธนาคารเกือบ 9 ล้านบาทหลบหนีไปด้วยกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังเร่งรัดติดตามตัวทั้งคู่และเงินที่ขโมยไปกลับคืนมาอย่างกระชั้นชิด


 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...