เป็น นางงามที่อยู่ในใจของคนไทยตลอดกาลจริง ๆ สำหรับ คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางสาวไทยปี 2507 และนางงามจักรวาลคนแรกของไทย ที่แม้ปัจจุบันจะอายุเลยเลข 6 มาหลายปีแล้ว แต่ความสวยของเธอก็ยังไม่เสื่อมคลายเลยจริง ๆ โดยหากใครได้เจอตัวจริงของเธอคนนี้ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะอายุหลัก 6 แล้ว เพราะดูยังไงก็น่าจะอายุเพียง 40 กว่า ๆ เท่านั้น ด้วยความสวยที่ยังไม่สร่างซา และใบหน้าที่ยังคงเต่งตึง พร้อมทรวดทรงองค์เอว ที่แทบไม่ต่างกับสมัยสาว ๆ เลยทีเดียว

          สำหรับชีวิตรักของนางงามจักรวาลคนนี้ คุณปุ๊ก อาภัสรา เคยผ่านชีวิตสมรสมาแล้ว 2 ครั้งด้วยกัน โดยหย่าร้างไปแล้วทั้ง 2 ครั้ง และหากใครถามว่า ตอนนี้เธอมีคนใหม่แล้วหรือยัง เจ้าตัวก็จะตอบอย่างอารมณ์ดีว่า มีคนที่ 3 เรียบร้อยแล้ว แต่คนที่ 3 นี้ ไม่ใช่คู่ชีวิตคนใหม่แต่อย่างใด หากแต่เป็นหลานชายตัวน้อย ชื่อ ด.ช.กัสป (ชื่อเล่นกัสโป) วัยไม่ถึง 1 ขวบ ที่เกิดจาก คุณโจ้ หม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร ลูกชายของเธอ ซึ่งเกิดกับสามีคนแรก หม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร ตอนนี้ คุณปุ๊ก อาภัสรา จึงได้อุ้มหลาน และผันตัวเองมาเป็นคุณย่าอย่างสมบูรณ์
 

          โดยคุณย่าปุ๊ก เปิดเผยว่า พอได้เป็นคุณย่าแล้วชอบ รู้สึกมีความสุขมาก เพิ่งรู้ว่าทำไมคนเป็นปู่ย่าถึงได้มีความสุขขนาดนี้ โดย เธอจะได้พบหลานชายก็ต่อเมื่อ คุณโจ้ พาลูกชายขึ้นมาพักที่บ้านในกรุงเทพฯ จากที่ปกติใช้ชีวิตเกษตรกรกัน 3 คน พ่อแม่ลูกที่เขาใหญ่ โดย คุณปุ๊ก เล่าว่า การเลี้ยงเด็กไม่ยาก เพราะอยู่กับย่าแล้วหลานจะไม่ร้องไห้ ไม่งอแง เขาจะชอบ จะยิ้มตลอด และตนเองก็ชอบเลี้ยงเด็ก ชอบเล่นกับเด็กด้วย เวลาอยู่กับหลานแล้วจะมีความสุขมาก โดยคำแนะนำที่เธอมอบให้กับลูกสะใภ้ก็คือทุกเรื่องที่รู้สึกเป็นห่วง รวมทั้งคำแนะนำในการสอนลูก ว่าไม่ควรตามใจลูกมากเกินไป

          ส่วนเคล็ดลับความงามของนางงามจักรวาลคนนี้ คุณปุ๊ก เผยว่า ตน เองไม่ได้ทำศัลยกรรมใด ๆ เลย แต่เพราะตนเองเป็นเจ้าของสปา จึงได้ใช้บริการดูแลตัวเองทั้งหน้า ทั้งตัว และได้ออกกำลังกายเป็นประจำเพื่อให้ร่างกายกระชับ เช่น การว่ายน้ำ และเดินบนสายพาน เพื่อช่วยระบบไหลเวียนเลือด และมีการนวดหน้าด้วยวิธีที่ถูกต้องพร้อมทั้งใส่วิตามินต่าง ๆ ทำให้ผิวกระชับ ตึงแบบธรรมชาติ และเนียนผ่อง แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือจิตใจ ถ้าใจมีความสุข สุขภาพก็จะดีตามไปด้วย โดยเธอจะใช้หลักธรรมคุ้มครองชีวิต รักษาศีล ทำบุญ และยึดหลักความซื่อสัตย์เป็นคุณธรรมประจำใจ และยังคงช่วยงานการกุศลอยู่ตลอด