(17 ม.ค.) 2 แม่ลูกเมืองบุรีรัมย์ ร้องสื่อ! โดนแก๊งเด็กสาว ม.3 และเพื่อนกะเทย ตามบุกมาจิกหัวตบรุ่นพี่ถึงในบ้าน หลังมีปัญหากันตั้งแต่ที่โรงเรียน อ้างไม่ชอบหน้า-หมั่นไส้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า น.ส.ปอย (นามสมมติ) อายุ 16 ปี และแม่ ชาวอำเภอเมือง จ.บุรีรัมย์ ได้ร้องเรียนกับสื่อมวลชน หลังเกิดเหตุการณ์กลุ่มนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ทั้งชายและหญิง บุกบ้านเข้ามาทำร้ายลูกสาวถึงในบ้าน เนื่องจากมีปัญหาไม่ชอบหน้ากันตั้งแต่อยู่ที่โรงเรียนและตามมาเรื่องต่อที่บ้าน

จากการสอบถาม น.ส.ปอย ให้การอ้างว่า ก่อนเกิดเหตุทะเลาะวิวาทที่บ้าน ตนได้มีปัญหาทะเลาะวิวาทกับรุ่นน้องที่โรงเรียน เป็นผู้หญิงเรียนอยู่ชั้น ม.3 กับแก๊งนักเรียนอีกหลายสิบคน โดยฝ่ายรุ่นน้องได้เข้ามาพูดจาหาเรื่อง อ้างว่าไม่ชอบหน้าและหมั่นไส้ตน ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่เคยมีปัญหาหรือผิดใจเรื่องผู้ชายกันแต่อย่างใด

แก๊งนักเรียน ม.3 พยายามจะทำร้ายตน เด็กสาวคู่กรณีได้เขวี้ยงท่อนเหล็กมาใส่ใบหน้าตน ก่อนที่กลุ่มเพื่อนของตนจะเข้ามาห้ามปรามและจับแยกออกจากกัน อีกทั้งคู่กรณียังได้พูดจาข่มขู่ตนเอาไว้ว่า เลิกเรียนแล้วเจอดักตบแน่!

หลังจากเกิดเหตุ ตนก็ได้เข้าไปแจ้งกับครูฝ่ายปกครองของโรงเรียน แต่ครูกลับมีท่าทีเฉยเมย ไม่ใส่ใจเรื่องที่โดนทำร้ายที่ตนแจ้งไป ตนได้โทรศัพท์มาเล่าเหตุการณ์ดังกล่าวให้แม่ฟัง แม่จึงได้ให้น้าไปที๋โรงเรียน ขอกลับบ้านก่อนเวลา

จนกระทั่งช่วงค่ำวันเดียวกันนั้น แก๊งนักเรียน ม.3 พร้อมกับเด็กสาวคู่กรณีได้บุกมาถึงที่บ้าน พร้อมกับเพื่อนกะเทยในแก๊ง เข้ามาด่าทอต่อว่าเสียหายและรุมทำร้ายร่างกาย เข้ามาจิกหัวและตบเป็นฉาดๆ พร้อมกับขู่ว่าแม่เป็นเพื่อนกับ รองผอ.หากต้องการเอาเรื่องให้ไปแจ้งความได้เลย อย่างน้อยก็เสียค่าปรับแค่ 500 บาท ก่อนทั้งหมดจะหลบหนีไป

ส่วนทางด้าน แม่ของ น.ส.ปอย เปิดเผยว่า เหตุการณ์ดังกล่าวรู้สึกตกใจมาก ไม่คาดคิดว่าเด็กวัยรุ่นสมัยนี้จะก่อเหตุอุอาจเช่นนี้ได้ถึงในบ้านตนเอง เข้ามารุมตบตีทำร้ายลูกสาว มีทั้งผู้หญิงและผู้ชายร่างใหญ่ ทำให้ตนเองก็ยังรู้สึกกลัว แต่ด้วยสัญชาตญาณคนเป็นแม่ จึงกล้าเข้าไปต่อสู้ เพื่อช่วยลูกสาว

อย่างไรก็ตาม สำหรับกรณีดังกล่าว แม่กับลูกสาวผู้เสียหายได้ไปลงบันทึกประจำวันกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเอาไว้แล้ว พร้อมกับเรียกร้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องจัดการกับกรณีดังกล่าว ที่ถือเป็นปัญหาสังคม พร้อมกับวอนในครูและผู้ปกครองมีความเป็นกลาง และรู้จักเลี้ยงลูกหลานให้ดี ไม่ใช่มัวแต่หน้ามืดตามัว ปกป้องและเชื่อว่าลูกตัวเองเป็นคนดี แต่แท้ที่จริงก็แค่ดีต่อหน้าพ่อแม่ผู้ปกครองเฉยๆ อยากให้สอดส่องพฤติกรรมลูกหลานในหลายๆ ด้าน เพื่อไม่ให้เป็นปัญหาสังคมในอนาคตอย่างเช่นกรณีดังกล่าว