เมื่อ 17 ม.ค. นายมนัสวี ศรีโสดาพล อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีกลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงบุกยึดโรงงานผลิตก๊าซเชื้อเพลิง (The Tigantourine gas facility) และจับตัวประกันในประเทศแอลจีเรีย ว่า ล่าสุด กระทรวงต่างประเทศได้ตรวจสอบกับสถานเอกอัครราชทูตไทย ประจำประเทศฝรั่งเศส ซึ่งดูแลครอบคลุมอาณาเขตประเทศแอลจีเรีย โดยในเบื้องต้นได้รับแจ้งว่า สถานทูตฯกำลังอยู่ระหว่างรอการตรวจสอบและยืนยันข้อมูลจากทางการแอลจีเรียอยู่ เนื่องจากไทยไม่มีสถานเอกอัครราชทูตหรือสถานกงสุลกิตติมศักดิ์ในแอลจีเรีย

 

ทั้งนี้สถานทูตฯได้ตรวจสอบข้อมูลกับบริษัทปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม หรือปตท.สผ. ซึ่งได้ไปลงทุนขุดเจาะน้ำมันในแอลจีเรีย ได้รับแจ้งว่าที่ฐานขุดเจาะของปตท.สผ.มีคนไทยทำงานอยู่ประมาณ 70 คน ซึ่งเป็นคนละแห่งกับที่กลุ่มกบฏได้จับตัวประกันอยู่ สำหรับจำนวนคนไทยในแอลจีเรีย มีอยู่ราว 370 คน นอกจากที่ทำงานในฐานขุดเจาะแล้ว ยังทำงานกับบริษัท โตโยต้า งานก่อสร้าง และแต่งงานกับชาวแอลจีเรียด้วย

 

ทั้งนี้ เดอะการ์เดี้ยน รายงานเหตุการณ์จับตัวประกันดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อเวลารุ่งเช้าของวันที่ 17 ม.ค. (ตามเวลาท้องถิ่น) ที่สถานีขุดเจาะก๊าซในเมืองอิน อามีนาส ทางตะวันออกของแอลจีเรีย โดยมีตัวประกันถูกจับไว้ประมาณ 53 คน ซึ่งกลุ่มก่อเหตุอ้างว่า เป็นชาวต่างชาติ 41 คน อาทิ อังกฤษ นอร์เวย์ สหรัฐ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น ไอร์แลนด์ โคลัมเบีย โรมาเนีย ฟิลิปปินส์ เกาหลีใต้ เยอรมันนี และไทย

 

ขณะที่ เดลี่เมล์ อ้างรายงานจาก อัล จาซีร่า ว่า มีตัวประกันถูกสังหารแล้ว 35 ราย ขณะที่สมาชิกของกลุ่มก่อเหตุเสียชีวิต 15 ราย โดยตัวประกันหลายคนถูกบังคับให้สวมใส่ชุดระเบิดพลีชีพ และถูกใช้เป็นกระบอกเสียงของกลุ่มก่อการร้าย เรียกร้องให้กองทัพอัลจีเรียร่นถอยออกไป ซึ่งผู้ก่อเหตุระบุเป้าประสงค์ต้องการให้ทางการแอลจีเรียเปิดทางหลบหนีให้กับสมาชิกกลุ่มไปพร้อมกับตัวประกัน