กรณีคนร้ายบุกฆ่าข่มขืน น.ส.วิมล เตชะบัญ อายุ 46 ปี เจ้าของร้านเตชะบัญบิวตี้ เลขที่ 244/5-6 หมู่ 1 บ้านโรงโป๊ะ ต.บางละมุง อ.บางละมุง จ.ชลบุรี แล้วหลบนีไป เหตุเกิดเมื่อกลางดึกวันที่ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
ความคืบหน้าคดีนี้เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 17 ม.ค. พล.ต.ต.คัชชา ธาตุศาสตร์ ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.สุภธีร์ บุญครอง รอง ผบก. พ.ต.อ.ศุภชัย ผุยแก้วคำ ผกก.สภ.บางละมุง พร้อมกำลังตำรวจชุดสืบสวน ร่วมแถลงข่าวจับกุมนายทิวานนท์ หรือบี บุญเรือง อายุ 21 ปี อยู่บ้านเลขที่ 156 หมู่ 8 ต.ฝั่งแดง อ.ธาตุพนม จ.นครพนม ผู้ต้องหาในคดีฆ่าข่มขืนน.ส.วิมล ตามหมายจับศาลจังหวัดพัทยาที่ 31/2556 ลงวันที่ 16 ม.ค.
สอบปากคำนายทิวานนท์ หรือบี ให้การรับสารภาพว่าเพิ่งเดินทางจากบ้านเกิดมาทำงานที่โรงน้ำแข็งราชา ตลาดโรงโป๊ะ เพียง 3 เดือนเศษ คืนวันเกิดเหตุไปดื่มสุราที่ร้านคาราโอเกะแห่งหนึ่ง ใกล้สามแยกโรงโป๊ะ กระทั่งเวลาประมาณ 01.00 น. พอเมาได้ที่จึงกลับห้องพักหมายเลข 28 ในโรงน้ำแข็งดังกล่าว ด้วยความมึนเมาจึงขึ้นไปเดินเล่นที่ชั้นดาดฟ้าแล้วกระโดดข้ามตึกไปยังดาดฟ้าร้านเสริมสวย ซึ่งมีระยะห่างกันแค่ 1 เมตร จากนั้นงัดประตูเดินลงไปชั้น 2
ระหว่างนั้นเห็นประตูห้องนอนเปิดแง้มอยู่ ไม่ได้ล็อก และเห็นน.ส.วิมลนอนหลับอยู่ในสภาพสวมชุดนอนวาบหวิว ทำให้ตนเกิดอารมณ์ทางเพศรุนแรง จึงเดินเข้าไปใช้มือจับแก้ม แต่น.ส.วิมลตื่นขึ้นมาและพยายามเดินหนี ตนจึงรีบล็อกคอไว้แล้วต่อยที่ท้องไป 2 ครั้งจนจุก ร่างกายอ่อนปวกเปียก จากนั้นจึงผลักให้ล้มลงแล้วถลกชุดนอนขึ้น ก่อนลงมือข่มขืนจนสำเร็จความใคร่ ขณะนั้น น.ส.วิมลพยายามต่อสู้ดิ้นรน ใช้เล็บจิกข่วนตามร่างกายตนจนเป็นแผลหลายแห่ง ด้วยความโมโหประกอบกับเกรงว่าน.ส.วิมลจะจำหน้าได้ จึงใช้มือบีบคอจนเสียชีวิต ก่อนกลับไปนอนที่ห้องพักเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และไม่ได้หยิบฉวยทรัพย์สินใดๆ ติดมือไป กระทั่งมีคนไปพบศพ ตนจึงลางานกับนายจ้าง 5 วันและหนีไปกบดานที่บ้านเกิดใน อ.ธาตุพนม จ.นครพนม จนมาถูกตำรวจตามจับกุมได้ดังกล่าว
ต่อมา พล.ต.ต.คัชชา พร้อมกำลังตำรวจและอาสาสมัครกว่า 50 นาย ได้คุมตัวนายทิวานนท์ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพยังจุดเกิดเหตุ ท่ามกลางชาวบ้านประมาณ 500 คนที่พากันมามุงดูเหตุการณ์ เมื่อรถคุมผู้ต้องหาไปถึง ชาวบ้านต่างกรูกันเข้ามาเพื่อรุมประชาทัณฑ์ พร้อมทั้งตะโกนด่าสาปแช่งเสียงดังระงม แม่ค้าขายผลไม้ในตลาดโรงโป๊ะบางคน ถึงกับแจกจ่ายผลส้มให้ชาวบ้านเพื่อใช้ขว้างปาผู้ต้องหา เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงต้องกันผู้ไม่เกี่ยวข้องออกห่าง ทำให้เหตุการณ์ค่อนข้างชุลมุน
กระทั่งตำรวจคุมตัวผู้ต้องหาลงจากรถเข้าไปในร้านที่เกิดเหตุ บรรดาญาติของผู้ตายที่นั่งรออยู่ด้านในต่างพากันกรูเข้ามารุมทำร้ายนายทิวานนท์ ด้วยความโกรธแค้น ทำให้ด.ต.กิตติพัทธ์ พันธ์แก้ว ผบ.หมู่งานสืบสวน ถูกลูกหลงศีรษะแตกเลือดอาบได้รับบาดเจ็บ แต่ภายหลังเจ้าหน้าที่ก็สามารถพาผู้ต้องหาไปทำแผนฯ ตามขั้นตอนได้อย่างทุลักทุเล จากนั้นจึงคุมขึ้นไปบนดาดฟ้าแล้วข้ามไปยังฝั่งร้านทำกระจกอลูมินั่มที่อยู่ติดกัน เพื่อพาผู้ต้องหาแอบไปขึ้นรถยนต์ที่จอดรถอยู่ เนื่องจากหากพาตัวออกเส้นทางเดิมเกรงว่าจะถูกชาวบ้านรุมทำร้าย แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีชาวบ้านบางส่วนที่หันมาเห็นพอดี ต่างพากันวิ่งไล่กวดติดตามไป จนตำรวจต้องรีบนำตัววิ่งขึ้นรถแล้วขับออกไปอย่างรวดเร็ว
นางสอิ้ง เตชะบัญ อายุ 60 ปี น้าสาวผู้ตาย เล่าว่า ตนกับบรรดาญาติๆ ต่างรู้สึกโกรธแค้นผู้ต้องหามาก เพราะผู้ตายเป็นคนดี ไม่มีสามี และไม่เคยยุ่งเกี่ยวกับชายใด เป็นคนขยันทำแต่งานและครองโสดมาจนถึงทุกวันนี้ ชาวบ้านในละแวกใกล้เคียงต่างรู้ดีว่าผู้ตายมีนิสัยอย่างไร จึงมีแต่คนรักใคร่ เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดขึ้น และอยากให้ผู้ต้องหาตายตกตามกันและไปชดใช้กรรมในนรก