เปิดชีวิตผู้ชายเต็มร้อย "สารวัตรหมี" มาดแมนอย่างนี้ ถึงกุมใจนางเอกสาว"แพนเค้ก" เต็ม4ห้อง..

ที่มา นิตยสาร COP′S ฉบับ เดือนมกราคม 2013


ขอขอบคุณ เรื่อง/ภาพ กองบรรณาธิการ นิตยสาร COP′S

 


เป็นอีกหนึ่งนายตำรวจหนุ่มหล่อ ที่ถูกกองทัพ "ปาปารัสซี่" ตามล่าขุดคุ้ยอยากรู้จัก หลังโผล่เป็นชายปริศนาเคียงข้างกายนางเอกสาวสุดฮอต "แพนเค้ก-เขมนิจ จามิกรณ์" ถึงขั้นควงออกไปร่วมกิจกรรมงานการกุศลบ่อยครั้ง


บ้างก็ว่า บอดี้การ์ดสีกากี คนนี้เป็นไฮโซทายาทเจ้าของที่ดินมหาเศรษฐีย่านทองหล่อ ทั้งที่จริงเขาเป็นผู้ชายธรรมดาที่ไม่ธรรมดา เป็นคนกล้า เก่ง และบ้าความท้าทาย เคยสร้างวีรกรรมยิ่งกว่า "ฮีโร่" สวมหน้ากากในภาพยนตร์ดัง


นิตยสาร COP′S ฉบับเปิดศักราชใหม่ 2556 เลยมีโอกาสประเดิมเผยโฉมตัวตนอันแท้จรริงของสารวัตรหมี พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ สารวัตรฝ่ายงบประมาณ 3 สำนักงานงบประมาณและการเงิน หนุ่มที่หลายคนอิจฉาว่า มีดีตรงไหน ทำไมถึงสามารถกุมหัวใจนางเอกละครดังได้เชียวหรือ ?

 

 

เลือดเนื้อเชื้อไขตำรวจเต็มตัว


สารวัตรหมี- พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร เปรมานนท์ เกิดในครอบครัวข้าราชการ เป็นลูกคนเดียวของ พ.ต.อ.ชุติปกรณ์ เปรมานนท์ อดีตผู้กำกับตรวจคนเข้าเมือง เป็นเหลนของ พ.ต.อ.พิเศษ พระยาถกลสรศิลป์ (สิงโต เปรมานนท์ ) นักเรียนนายร้อยตำรวจภูธรรุ่นแรก จบการศึกษาที่จ.นครราชสีมาอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรมณฑลนครสวรรค์ หลานปู่ปราการ เปรมานนท์ ข้าราชการเอกกระทรวงสาธารณสุข ส่วนแม่คือนางนงนุช เปรมานนท์ อดีตสมุห์บัญชี โรงพยาบาลพร้อมมิตร


ชีวิตค่อนข้างสมถะในบ้านหลังเล็กซอยสุขุมวิท 49 เข้าเรียนประถมโรงเรียนสาธิตมหาวิทยาลัยศศรีนครรินทรวิโรฒ ประสานมิตร ชอบถ่ายรูปตั้งแต่เด็ก เพราะได้กล้องถ่ายรูปมรดกตกทอดจากพ่อ จนมีความฝันอยากทำงานศิลปะ เป็นช่างภาพ นักออกแบบ ดีไซเนอร์ แม้จะมีเลือดเนื้อเชื้อไขตำรวจอยู่เต็มตัว


พบจบม.4 รบเร้าอยากไปเรียนต่อต่างประเทศตามเพื่อนในกลุ่มประสานมิตร จังหวะเดียวกับแม่บ้านชาวอเมริกันที่แม่เคยไปพักอาศัยตอนได้ทุนเรียนโครงการเอเอฟเอสสมัยยังสาวเดินทางมาเที่ยวเมืองไทย ครอบครัวจึงปรึกษาหารือ จนในที่สุด สารวัตรหมี ก็บินเดี่ยวลัดฟ้าสู่สหรัฐอเมริกา ตั้งแต่อายุ 16 ปี เพื่อไปเรียนต่อมัธยมเกรด 11 โรงเรียนเมาท์เทนวิว ไฮสกูล ในรัฐยูท่าห์ เมืองปราศจากอบายมุข เต็มไปด้วยภูเขาและทะเลทราย กับการใช้ชีวิตเพียงลำพัง ในต่างแดน ด้วยการทำงานพิเศษ ขับรถรับจ้างเสิร์ฟอาหารตามบ้าน จนเก็บเงินช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายทางบ้านได้มากมาย และใช้ชีวิตอยู่ที่นู่นถึง8ปีก่อนจะเหินฟ้ากลับเมืองไทย ด้วยดีกรีนักศึกษาจาก มหาวิทยาลัยจากลอสแอนเจลีส และเข้าทำงานเป็นโปรดิวเซอร์ รายการทีนทอล์ก เคียงข้าง เรย์ แมคโดนัลด์ และชาคริต แย้มนาม และตามมาด้วยการเป็นโปรดิวเซอร์รายการดังอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็น อีฟอร์ทีน ,เวคคลับ สมอลทอล์ค


 

อยู่แกรมมี่ปีเดียว หนุ่มไฟแรงผู้นี้ ก็ลาออกไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ กับบริษัทฟรีเมนทอล ที่ขายลิขสิทธิ์ และดูเรื่องโปรดักชั่นให้กับรายการทีวีทั่วโลก ก่อนจะไปอยู่สังกัดบีอีซี เทโร เอ็นเตอร์เทนเม้นท์ ด้วยการเป็นเลขาส่วนตัว นีล ทอมป์สัน ดูแลจัดการเรื่องคอนเสิร์ตระดับโลก อย่าง อินคูบัส เอ็นริเก้ เวียนนาซิมโฟนี ลิงคินพาร์ก รวมถึงดิสนีย์ ออนไอซ์

 

 

"วันนั้น ผมอยากเป็นคนทำงานศิลปะ ต้องการที่จะสร้างฝัน ผมมีฝันของผม คืออยากทำรายการทีวี ต้องการทำคอนเสิร์ต ต้องการทำหนัง ณ วันนี้ ผมเหลืออย่างเดียว คือยังไม่ได้ทำหนัง ที่เหลือผมทำมาหมดแล้ว" สารวัตรหมี ระบายความฝัน


หลังจากสานฝันของตัวเองแล้ว สารวัตรหมี ก็ทิ้งงานบริษัท ที่กำลังไปได้ด้วยดี ผลัดมาสวมเครื่องแบบสีกากี สมัครเข้าเป็นตำรวจผู้บังคับหมู่อยู่กองสารนิเทศ ติดยศ ในครั้งนั้นแค่ ส.ต.ต.

 

"ผมมองถึงประสบการณ์ โอกาสใหม่ๆ ที่เราจะได้ไปทำ ผมมองถึงสิ่งใหม่ๆ ที่ผมจะได้มากกว่า ผมทำอยู่บริษัท เรามีวันเจ๊ง แต่ถ้าเป็นข้าราชการเราไม่ได้แย่จริงๆ เขาไม่ให้เราออก ผมยังมองว่า มันอยู่ในสายเลือด อยู่ในครอบครัวเรา เพราะเป็นข้าราชการตั้งแต่รุ่นดึกดำบรรพ์ ผมคิดว่าไม่เสียหายทีเราจะเข้าไปลึกๆ ก็อยากเป็นอยู่แล้วด้วย....เราไม่ขี้เกียจ เราไม่ใช่คนแขนขาดขาขาด ตาบอดหูหนวก ยังไงเราก็ไม่อดตาย ทุกอย่างมันมีหนทางที่เราจะสามารถหาเงินได้ตลอดเวลา ตราบใดที่เราไม่ขี้เกียจ นี่คือความคิดฝรั่งที่เขาสอนผมไว้ ตัวเงินไม่ใช่ประเด็นหลักสำคัญ แต่สิ่งที่ได้จากอาชีพตำรวจ คือ เกียรติ และศักดิ์ศรี คนอื่นก็เอาของเราไปไม่ได้ ผมเต็มใจที่จะทำ อาจเพราะผมมีสายเลือดตำรวจอยู่เต็มตัว"


เปลี่ยนชีวิตจากตำรวจชั้นประทวนไม่นาน พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร ก็เอาวุฒิปริญญาตรีไปเข้าอบรมสัญญาบัตรเป็นนายตำรวจ ติดยศ ร.ต.ต. ตำแหน่งรองสารวัตรกองสารนิเทศ ก่อนทำเรื่องลาส่วนตัวกลับไปเรียนต่อปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจที่ลอสแอนเจลิสนานปีเศษ และกลับมาเรียนโทคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรามคำแหงอีกใบ ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ประสานสื่อ ประชาสัมพันธ์งานรณรงค์ต่างๆ เช่น เมาไม่ขับ ปีใหม่ สงกรานต์ กาชาด และเอาประสบการณ์ความรู้ที่เรียนมาทั้งหมดจากการจัดงานแสดงคอนเสิร์ต เทิดพระเกียรติเนื่องในวโรกาสวันฉัตรมงคล 5 พฤษภาคม 2552 ระดม 21 ศิลปิน เปิดลานพระบรมรูปทรงม้าที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติเป็นแม่งาน ซึ่งใช้เวลาทำแค่ 2 สัปดาห์

 


ว่างจากงาน นายตำรวจหนุ่ม ก็เข้าก๊วนขี่มอเตอร์ไซค์ ฮาเลย์ ทำงานการกุศลทำกิจกรรมนำของบริจาคตามโรงเรียนที่ยากจนในต่างจังหวัด ก่อนเข้าไปร่วมกับ HOG ประเทศไทย และแตกแยกย่อยกกลุ่ม RISE ทำการกุศลของตัวเองเป็นครั้งคราว ก่อนจะเปลี่ยนมาขี่ บีเอ็ม ดับเบิ้ลยู ตามความใฝ่ฝันอีกอย่าง


น้อยคนนัก ที่จะรู้ว่า สารวัตรหมี เป็นฮีโร่หนุ่ม ที่สร้างวีรกรรมเสี่ยงตายในการช่วยชีวิตผู้คนในซานติก้าผับ ที่ไฟไหม้ครั้งใหญ่ และเป็นข่าวโด่งดังและสร้างความสูญเสีย อีกหนึ่งครั้งใหญ่ของไทย เมื่อ31 ธันวาคม ปี 2551 ซึ่งตัวเขาเองก็สำลักควัน ไออยู่นานร่วมสัปดาห์ ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ ครั้งสำคัญในชีวิต


"ผมไม่รู้ว่าช่วยได้เยอะแค่ไหน แต่จำนวนที่ผมช่วยไม่ได้ คือจำนวนที่ทุกคนรู้ คือ คนที่ลงหนังสือพิมพ์ ผมช่วยเท่าไหร่ ผมไม่ทราบ "หนึ่งในฮีโร่ซานติก้าผับ เผยนาทีระทึกน้ำเสียงเศร้า


นับแต่นั้นมา สารวัตรหมีก็ทำบุญทำทานมาตลอด นับเป็นจุดที่ทำให้เขาหันมาเปลี่ยนตัวเอง หันมาช่วยเหลือคน ตามรอยพ่อของตัวเขาเอง ที่เป็นคนสมถะ ซึ่งเมื่อตอนน้ำท่วม ใหญ่เมื่อปี 54 พ.ต.ต.ศักดิ์สุนทร ก็ชวนบิดาไปด้วย ควักทุนส่วนตัวเอารถ 6 ล้อ ขนของบริจาคแจกจ่ายผู้ประสบภัยแถวรังสิต

 

"ผมไปตั้งแต่อยุธยาน้ำท่วมปีแรก ชวนเพื่อนๆไปกันในนามส่วนตัว กลุ่ม RISE รวมพรรคพวกตั้งแต่นักธุรกิจ ทหาร ตำรวจ เอารถ 6 ล้อไปช่วย หาเจตสกีไปแจก ...บ้านถูกเนรมิตเป็นโรงรถ โรงทาน ที่รวบรวมข้าวของบริจาค ทำกันกลางคืน ตอนเช้าเอารถมาขนไป ...เรารับส่งคนไม่คิดเงินสักบาท ส่งตามทางตลอด ออกจากเซียร์ รังสิต 5 โมงเย็น ขึ้นโทลล์เวย์มาถึงอนุสาวรีย์ชัยฯ 2 ทุ่ม เพราะคอยรับส่งคน เราควักเงินส่วนตัวหมด ร้านน้าปากซอย รับจ้างทำข้างกี่ร้อยกี่พันกล่องก็ช่วยทำให้มาเกินเพราะอยากมีส่วนร่วม อาหารที่ทำมาสำหรับแจก เราจะไม่กิน บริจาคให้หมด และไปหาซื้อกินเองต่างหาก "

 

 


ปัจจจุบัน นายตำรวจหนุ่มหันมาดูแลสุขภาพตัวเองมากขึ้น ใช้เวลาว่างเล่นฟิตเนส หลังจากปล่อยชีวิตสำมะเลเทเมามานาน ดื่มทั้งเหล้า สูบบุหรี่ จนร่างกายพัง ทุกวันนี้จึงเลิกขาด เที่ยวกลางคืนก็เลิก


ส่วนเรื่องหัวใจ กับการคบหากับนางเอกสาวแพนเค้กที่กลายเป็นที่จับตามองของคนทั้งวงการบันเทิง นายตำรวจหนุ่มกลบเลี่ยงที่จะตอบคำถาม แย้มแค่ว่า เจอกันด้วยเรื่องบังเอิญหลายครั้ง และครั้งแรกไม่ได้สะดุด เป็นคนไม่สนใจอาชีพนี้ตั้งแต่เริ่ม ไม่บ้าดารา หนังไทย ละครไทย ดูแต่ซีรีย์หนังฝรั่งอย่างเดียว สไตล์ฝรั่งทั้งหมด


"ตอนแรกไม่รู้จริงๆนะ ว่าน้องเขาเป็นนางเอก ไม่มีใครบอก แต่ผมเฉยๆ มารู้ตอนหลังตกใจบ้าง ไม่ได้รู้จักว่าเขาเป็นอะไรอย่างนั้น ไม่มีอะไรที่สะดุด เขาเองก็คงไม่ได้มองคนอาชีพนี้ ...ยอมรับว่า ไม่ง่ายกับชีวิต แค่เงื่อนไขของเวลาก็ลำบากแล้ว ชีวิตผมทำงาน ออกกำลังกาย เสาร์อาทิตย์ขี่มอเตอรืไซค์ก็หมดแล้ว นี่คือชีวิตผม ถ้าไม่อย่างนั้น ผมก็จะไปในที่ที่ผมชอบไป เช่น เขาใหญ่ ไปพายเรือคายัคโต้คลื่น ไปโรยตัวหน้าผาที่เขาใหญ่ ผมอยู่แบบนี้"

 

 

เวลาว่าง สารวัตรหมี ยอมรับว่าจะโทรคุยกับแพนเค้ก พร้อมปฏิเสธข่าวที่ว่าไปตามเฝ้า เพราะจริงๆไม่ได้ตาม มองว่าเป็นเรื่องปกติของข่าว


"ผมไม่สามารถเปลี่ยนความคิดคนทั้งประเทศได้ ต่างคนต่างมีความคิดของแต่ละบุคคลที่ไม่เหมือนกัน ผมเปลี่ยนความคิดเขาไม่ได้ แต่เรารู้ว่าเราทำอะไรอยู่เท่านั้นเอง เรารู้ว่าสิ่งที่เราทำไม่ได้เดือดร้อนใคร ชีวิตผมทุกวันนี้ ผมแฮปปี้ ทุกวันนี้ใช้ชีวิตปกติ ไม่หวือหวา แต่โรแมนติกหรือเปล่า ผมไม่รู้ ส่วนตัวแล้วผมอยากอยู่เงียบๆมากกว่า "หนุ่มคนสนิทนางเอกสาวยิ้มทิ้งท้าย

 

 

กรุณา Login เพื่อแสดงความคิดเห็น
ส่ง Scoop ให้เพื่อน
แจ้งลบไม่เหมาะสม
ความคิดเห็น

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

Loading...